การติดเชื้อเมลิออยด์ (Melioidosis) คือการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง Burkholderia pseudomallei ซึ่งพบมากในดินและน้ำ โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อน เช่น ไทย มักเกิดในช่วงฤดูฝน และสามารถรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อันตรายของโรคเมลิออยด์

  1. อัตราการเสียชีวิตสูง
    • หากไม่ได้รับการรักษา อัตราการเสียชีวิตสูงถึง 40–50%
    • แม้ได้รับการรักษา อัตราการเสียชีวิตยังอยู่ที่ 10–20%
  2. เกิดได้หลายรูปแบบ
    • เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน (คล้ายติดเชื้อในกระแสเลือด) และแบบเรื้อรัง
    • อาการเลียนแบบหลายโรค เช่น วัณโรค ปอดบวม ไข้เลือดออก
  3. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอันตรายมากขึ้น
    • ผู้เป็นเบาหวาน (พบว่า 50–60% ของผู้ติดเชื้อเมลิออยด์มีเบาหวาน)
    • ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น มะเร็ง, ไตวายเรื้อรัง, ผู้ใช้ยากดภูมิ
  4. การติดเชื้อแพร่ไปทั่วร่างกาย
    • อาจลุกลามเป็นติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis), ฝีในตับ/ปอด/สมอง, หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการของเมลิออยด์

  • ไข้สูง หนาวสั่น
  • ไอ หายใจหอบ เจ็บหน้าอก (หากติดเชื้อที่ปอด)
  • ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้
  • มีฝีตามร่างกายหรือตามอวัยวะภายใน
  • ซึมลง ความดันต่ำ อาจช็อกหากเข้าสู่ภาวะ Sepsis

การรักษา

  • ให้ยาปฏิชีวนะเฉพาะทาง เช่น ceftazidime หรือ meropenem ในช่วงแรก (รักษาอย่างน้อย 10–14 วัน)
  • ตามด้วยยารับประทาน เช่น TMP/SMX ต่ออีก 3–6 เดือน เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
  • การรักษาต้องต่อเนื่องครบคอร์ส หากหยุดยาเองมีโอกาสเสียชีวิตสูง

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดินหรือแหล่งน้ำสกปรก โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง
  • สวมรองเท้าและถุงมือยางหากต้องลุยน้ำหรือทำเกษตรกรรม
  • ผู้ป่วยเบาหวานควรควบคุมน้ำตาลให้ดี เพราะเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

เมลิออยด์เป็นเชื้อที่อันตรายและมีอัตราการเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง หากสงสัยว่ามีอาการหรือสัมผัสเชื้อ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อเริ่มการรักษาให้เร็วที่สุด