การแพทย์แผนจีนในประเทศไทย
เปิดเส้นทาง การแพทย์แผนจีนในประเทศไทย
ใครหลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “แพทย์แผนจีน” และพอพูดถึงแพทย์แผนจีน ก็จะนึกถึงแพทย์ทางเลือก เช่น พวกการฝังเข็มหรือการกินยาสมุนไพร แต่วันนี้เราขอชวนเพื่อน ๆ มารู้จักแพทย์แผนจีนกันตั้งแต่ต้นกำเนิด จนมาถึงเมืองไทยบ้านเรากันค่ะ
การแพทย์แผนจีน เป็นการแพทย์แผนโบราณของชาวฮั่น ที่ใช้รักษาคนจีนมายาวนานกว่า 5,000 ปี ด้วยการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไร ต่อจากนั้นก็จะรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การฝังเข็ม การใช้ยาสมุนไพร การครอบแก้ว การนวดทุยหน่า เพื่อรักษาสมดุลของพลังชีวิต (ร่างกาย) ชาวจีนโบราณเชื่อว่าภายในร่างกายมนุษย์มี Qi หรือ ชี่ ซึ่งหมายถึงพลังชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย เป็นพลังงานที่ไม่สามารถมองเห็น ประกอบด้วย
หยิน เป็นพลังในทางลบ บ่งบอกถึงความเย็น ความมืด และเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง
หยาง เป็นพลังในทางบวก บ่งบอกถึงความร้อน แสงสว่าง และเป็นตัวแทนของเพศชาย
เมื่อร่างกายเกิดความเครียด มีอารมณ์ขุ่นมัว รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็จะทำให้หยินและหยางเสียสมดุล ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้
การแพทย์แผนจีน มีต้นกำเนิดมาอย่างไร ?
การแพทย์แผนจีน กําเนิดขึ้นโดยชนเผ่าที่อาศัยบริเวณแถบแม่น้ำเหลืองของจีน มีการคิดค้นทฤษฏีและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละยุคสมัย จนเกิดแพทย์จีนที่มีชื่อเสียงและสํานักแพทย์จำนวนมาก
มีเรื่องเล่าว่า ประมาณ 3,000 กว่าปีก่อน ซึ่งเป็นสมัยราชวงศ์อินซัง ได้มีการบันทึกเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและโรค 10 กว่าชนิด ต่อมาในราชวงศ์โจวก็เริ่มมีการใช้วิธีตรวจวินิจฉัย 4 อย่าง คือ ดู-ฟัง-ถาม-แมะ (จับชีพจร) และรักษาโรคในแบบต่างๆ เช่น การจ่ายยา การฝังเข็มและการผ่าตัด พอมาในยุคสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น ก็ได้มีการประพันธ์ตําราชื่อ “หวาง ตี้ เน่ย จิง” ซึ่งถือเป็นตําราแพทย์แผนโบราณจีนที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การแพทย์แผนจีนได้แพร่หลายออกไปยังประเทศอื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย
. . .
บทบาทการแพทย์แผนจีนในไทย
การแพทย์แผนจีน ถูกพัฒนามาจากประสบการณ์การรักษาของชาวจีนที่สะสมมานานหลายพันปี จนแพร่หลายมายังประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย โดยแพทย์แผนจีนได้เข้ามามีบทบาทร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย เริ่มจาก
เมื่อ 400 ปีก่อน ปรากฏตำรับยาจีนที่บรรจุอยู่ในคัมภีร์โอสถพระนารายณ์
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา วงการแพทย์จีนในไทยได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การรวมตัวของสมาคมต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างทางเลือกใหม่ให้แก่วงการแพทย์จีน มีการจัดกิจกรรมเพื่อสมาชิกในรูปแบบต่างๆ มากมาย ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาการแพทย์แผนจีนในไทยให้แข็งแกร่งขึ้น
. . .
การแพทย์แผนจีนในปัจจุบัน
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการแพทย์แผนจีนไปสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษา อีกทั้งยังมีแพทย์สนใจเข้ามาศึกษาศาสตร์การแพทย์แผนจีน ทั้งการฝังเข็มและการใช้ยาจีนกันมากขึ้น ในส่วนของราชการเอง ก็ให้การสนับสนุนโดยจัดให้มีกฎหมายรองรับเพื่อพัฒนาการรักษาให้เข้าสู่ระบบ แพทย์แผนจีนจึงถือเป็นการแพทย์อีกหนึ่งสาขาที่จะช่วยเสริมการบริการสาธารณสุขของประเทศไทยให้ดีขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรองให้แพทย์แผนจีนเป็นส่วนหนึ่งของโรคประกอบศิลป์ ต้องมีการรับรองขึ้นทะเบียน ใครที่จะเป็นแพทย์แผนจีนได้นั้นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับศูนย์รวมการรักษาแพทย์แผนจีนในไทยมีอยู่หลายแห่ง รวมถึง “คลินิกแพทย์แผนจีนและฝังเข็ม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต” ด้วยค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว ลองพิจารณาแพทย์แผนจีนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ปรับสมดุลร่างกายของเรากันนะคะ