งูสวัด (Herpes Zoster) คือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เกิดจาก ไวรัส Varicella Zoster ซึ่งเป็นไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิด อีสุกอีใส เมื่อหายจากอีสุกอีใสแล้ว ไวรัสจะหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท และสามารถ “ฟื้นตัว” ขึ้นมาใหม่เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เกิดเป็นงูสวัด
ลักษณะอาการของงูสวัด
- เริ่มต้นด้วยอาการ ปวดแสบปวดร้อน คล้ายไฟไหม้หรือชาตามแนวเส้นประสาท
- ต่อมาจะมี ผื่นตุ่มน้ำใส เรียงตัวตามแนวเส้นประสาท (เช่น ข้างลำตัว หน้า หรือศีรษะ)
- ผื่นมักขึ้น เฉพาะข้างเดียวของร่างกาย และไม่ข้ามเส้นกึ่งกลาง
- ผื่นจะแตกและตกสะเก็ดภายใน 7–10 วัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดงูสวัด
- อายุเกิน 50 ปี
- ความเครียดสะสม
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้รับยากดภูมิ หรือ HIV)
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
- ปวดประสาทหลังหายจากงูสวัด (Postherpetic Neuralgia): ปวดแสบปวดร้อนต่อเนื่องนานเป็นเดือนหรือปี
- ตาอักเสบ: หากงูสวัดขึ้นบริเวณใบหน้าใกล้ตา อาจทำให้ตาบอดได้
- ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน: หากแผลตุ่มน้ำแตกและติดเชื้อ
แนวทางการรักษา
- ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir
- ควรเริ่มยา ภายใน 72 ชั่วโมงแรก หลังผื่นขึ้น เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
- ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยากลุ่ม gabapentin หากมีอาการปวดปลายประสาท
- ดูแลแผลให้สะอาด แห้ง ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
การป้องกัน
- วัคซีนป้องกันงูสวัด: แนะนำสำหรับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง นอนพักเพียงพอ ลดความเครียด