กรดยูริกเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นจากกระบวนการสลายพิวรีน (Purine) ซึ่งพบในอาหารและเซลล์ของร่างกาย เมื่อร่างกายเผาผลาญพิวรีน กรดยูริกจะถูกขับออกทางไตผ่านปัสสาวะ หากระดับกรดยูริกสูงเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเกาต์หรือภาวะไตเสื่อม ดังนั้นการตรวจระดับกรดยูริกจึงมีความสำคัญในการวินิจฉัยและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง

กรดยูริก ตรวจอย่างไร

การตรวจกรดยูริกสามารถทำได้โดยการเจาะเลือดหรือตรวจปัสสาวะ ในการตรวจเลือด แพทย์จะนำตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำเพื่อตรวจวิเคราะห์ค่ากรดยูริกในห้องปฏิบัติการ ส่วนการตรวจปัสสาวะมักใช้ในกรณีที่ต้องการวิเคราะห์ปริมาณกรดยูริกที่ถูกขับออกจากร่างกายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง

กรดยูริก มีผลต่อร่างกายอย่างไร

เมื่อร่างกายมีระดับกรดยูริกสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมของผลึกกรดยูริกตามข้อต่อ ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบ ซึ่งเป็นลักษณะของโรคเกาต์ นอกจากนี้ กรดยูริกที่สะสมในไตอาจก่อให้เกิดนิ่วในไตและส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตในระยะยาว

ค่ากรดยูริกปกติเท่าไร

ค่ากรดยูริกในเลือดที่ถือว่าปกติสำหรับแต่ละบุคคลมีดังนี้

  • ผู้ชาย: 3.4 – 7.0 mg/dL
  • ผู้หญิง: 2.4 – 6.0 mg/dL
  • เด็ก: 2.0 – 5.5 mg/dL

หากค่ากรดยูริกสูงกว่าระดับปกติ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับกรดยูริก เช่น โรคเกาต์ หรือโรคไต

ทำยังไงให้กรดยูริกลดลง

หากต้องการลดระดับกรดยูริกในร่างกาย สามารถทำได้ดังนี้

  • ปรับเปลี่ยนอาหาร ลดการบริโภคอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล และแอลกอฮอล์
  • ดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อช่วยให้ไตสามารถขับกรดยูริกออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดน้ำหนักส่วนเกินและช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพิวรีนได้อย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำตาลฟรุกโตส เนื่องจากมีส่วนทำให้ระดับกรดยูริกในร่างกายเพิ่มขึ้น
  • ปรึกษาแพทย์ หากมีภาวะกรดยูริกสูง ควรได้รับการวินิจฉัยและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อลดกรดยูริก

โรคอะไรบ้าง ที่เจอจากการตรวจกรดยูริก

การตรวจกรดยูริกสามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องได้ เช่น

  • โรคเกาต์ (Gout) เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบ
  • นิ่วในไต (Kidney Stones) กรดยูริกที่สูงอาจก่อให้เกิดนิ่วในไต ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหลังและสีข้าง
  • ภาวะไตเสื่อม (Chronic Kidney Disease) หากไตไม่สามารถขับกรดยูริกออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อมในระยะยาว

สรุป

การตรวจระดับกรดยูริกเป็นสิ่งสำคัญในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง การดูแลสุขภาพโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายสามารถช่วยควบคุมระดับกรดยูริกได้ หากพบว่ามีค่ากรดยูริกสูงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
เบอร์โทรศัพท์ 02—115-2111 ต่อ 1200
เวลาทำการ ทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น.