ต่อมน้ำเหลืองโต และมีแผลขอบนูนที่อวัยวะเพศ เกี่ยวข้องกับหลายโรค แต่มีบางโรคที่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น

  • ซิฟิลิส (Syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรีย Treponema pallidum อาการระยะแรกจะมีแผลที่อวัยวะเพศซึ่งมีขอบนูน แข็ง และไม่เจ็บ (เรียกว่าแผลริมแข็ง หรือ Chancre) หลังจากนั้นอาจเกิดการโตของต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
  • แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi แผลมักมีขอบนูนและเจ็บปวด มักพบร่วมกับต่อมน้ำเหลืองโตในบริเวณขาหนีบ
  • การติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) เกิดจากเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus) อาจทำให้เกิดแผลพุพองและเจ็บที่อวัยวะเพศ และอาจมีต่อมน้ำเหลืองโตได้

การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เนื่องจากแต่ละโรคมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือแนวทางการรักษาของโรคที่อาจเป็นสาเหตุ

  1. ซิฟิลิส (Syphilis) ใช้ยาปฏิชีวนะชนิด Penicillin G เป็นหลัก ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาชนิดนี้ แพทย์อาจใช้ยาทดแทน เช่น Doxycycline หรือ Azithromycin การรักษาควรทำให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
  2. แผลริมอ่อน (Chancroid) ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Azithromycin, Ceftriaxone, Ciprofloxacin หรือ Erythromycin ยาจะช่วยลดการอักเสบของแผลและลดการโตของต่อมน้ำเหลือง
  3. การติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) ใช้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir, Valacyclovir หรือ Famciclovir เพื่อบรรเทาอาการและลดระยะเวลาของการติดเชื้อการใช้ยาต้านไวรัสไม่สามารถรักษาเริมให้หายขาดได้ แต่จะช่วยลดความรุนแรงและจำนวนครั้งของการกลับมาเกิดซ้ำ

การป้องกันสามารถทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • การใช้ถุงยางอนามัย
  • การมีคู่นอนคนเดียวที่เชื่อใจได้ การมีคู่นอนคนเดียวที่ปลอดภัยและซื่อสัตย์ สามารถลดโอกาสในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • การตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีคู่นอนใหม่หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง จะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคในระยะแรกและรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • การให้วัคซีนป้องกัน ในกรณีของไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของหูดที่อวัยวะเพศและมะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกันได้โดยการรับวัคซีน HPV ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด
  • การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีแผลหรือมีอาการผิดปกติ
  • การไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น แม้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถติดต่อได้ทางเลือด เช่น ไวรัสเอชไอวี (HIV) การไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่นจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้
  • การรักษาความสะอาดส่วนบุคคล รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศด้วยการล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากปัสสาวะหรือหลังมีเพศสัมพันธ์หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้ในบริเวณอวัยวะเพศ

หากมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตและมีแผลขอบนูนที่อวัยวะเพศ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการติดเชื้ออื่น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น