การทำงานในที่อับอากาศต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยที่มีผลต่อความปลอดภัย เราจะเรียบเรียงตามลำดับของอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

  • ขาดออกซิเจน ควรตรวจสอบปริมาณออกซิเจนในสถานที่อับอากาศ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากขาดออกซิเจนในการหายใจ
  • ปฏิกิริยาการเผาไหม้ รักษาความระมัดระวังในการใช้เครื่องจักรหรือการทำงานที่มีไฟ, ละอองที่ติดไฟ, และก๊าซที่สามารถติดไฟได้
  • สารพิษ จัดการสารพิษที่อาจมีในสถานที่อับอากาศ, ควบคุมความเข้มข้นของสารเคมีและให้ความสำคัญกับการลดอันตราย
  • อันตรายทางกายภาพ ระวังเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวและให้ความสำคัญในการล็อคและป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ปลอดภัย
  • อันตรายจากการถูกดูดจม ป้องกันการดูดจมโดยการรักษาพื้นที่ไซโลและเว้นระยะที่ปลอดภัย
  • อื่น ๆ พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเกิดอันตราย เช่น การตกจากที่สูง, การระคายเคือง, และความร้อนลวก

การทำงานในที่อับอากาศต้องการการตรวจสอบและการจัดการอันตรายอย่างรอบคอบเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้ทำงานทุกระดับ

หลักปฏิบัติเมื่อทำงานในสถานที่อับอากาศ

ก่อนอนุญาตให้ลูกจ้างปฏิบัติงาน

  • ตรวจสอบปริมาณออกซิเจนและสารเคมีในสถานที่อับอากาศ เก็บบันทึกผลการตรวจ
  • ระบายอากาศให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย
  • จัดหาอุปกรณ์ช่วยหายใจ, เข็มขัดนิรภัย, และอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย

การป้องกันอันตราย

  • ติดป้าย ที่อับอากาศ อันตราย ห้ามเข้า และขออนุญาตก่อนทำงาน
  • ตรวจสอบก๊าซพิษและปริมาณออกซิเจนระหว่าง 19.5 – 23.5
  • มีผู้ควบคุมและผู้ช่วยเหลือตลอดเวลา
  • จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย (PPE) และอุปกรณ์ช่วยเหลือ

บทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผู้อนุญาต

  • ประเมินความอันตรายและออกหนังสืออนุญาต
  • อนุมัติการทำงานในที่อับอากาศ
  • ตรวจสอบพื้นที่และวางแผนการทำงาน

ผู้ควบคุมงาน

  • วางแผนการทำงานและป้องกันอันตราย
  • ควบคุมและให้คำสั่งในกรณีไม่ปลอดภัย
  • ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิต

ผู้ปฏิบัติงาน

  • ตระหนักถึงความปลอดภัย
  • รายงานความไม่ปลอดภัยหรือเหตุฉุกเฉิน
  • สวม PPE ตลอดการทำงาน

ผู้ช่วยเหลือ

  • ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ทำงาน
  • ไม่ให้บุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่
  • ตรวจสอบรายชื่อและอุปกรณ์ช่วยชีวิต

สรุป

การปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศต้องมีการตรวจสอบและการจัดการความปลอดภัยทุกระดับ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้ในสภาพที่ปลอดภัยและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

การอนุญาตและปฏิบัติในสถานที่อับอากาศ

ตรวจสอบและรักษาคุณภาพอากาศ

  • ตรวจสอบปริมาณออกซิเจนและสารเคมีในสถานที่อับอากาศเพื่อรักษาในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
  • ระบายหรือขจัดอากาศเพื่อให้คงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย

การจัดทีมช่วยเหลือ

  • จัดทีมช่วยเหลือที่มีการอบรมเพื่อดูแลและช่วยเหลือลูกจ้าง
  • คอยเฝ้าที่ทางเข้า-ทางออกตลอดเวลาและสามารถสื่อสารกับลูกจ้างได้
  • มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เหมาะสมตามลักษณะงาน

รักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์

  • ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบที่ป้องกันความร้อน, ฝุ่น, การระเบิด, การลุกไหม้, และไฟฟ้าลัดวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • จัดการสายไฟฟ้าในสถานที่อับอากาศให้ปลอดภัย

ผู้ควบคุมงาน

  • ผู้ควบคุมงานต้องมีความรู้และความสามารถในการวางแผนและป้องกันอันตราย
  • ควบคุมการใช้เครื่องป้องกันและอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย
  • อบรมและตรวจสอบการใช้ตรวจตรา, เครื่องป้องกัน, และอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย

ข้อห้ามและการควบคุม

  • กำหนดข้อห้ามเช่น ห้ามสูบบุหรี่, ห้ามก่อไฟ, และห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้อง
  • ปิดกั้นช่องโพรงและติดป้าย บริเวณอันตรายห้ามเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่สถานที่อับอากาศ

การอนุญาตและปฏิบัติในสถานที่อับอากาศต้องมีการรักษาคุณภาพอากาศ, ทีมช่วยเหลือ, รักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์, ผู้ควบคุมงานที่มีความรู้, และการกำหนดข้อห้ามและควบคุม เพื่อให้ทำงานได้ในสภาพที่ปลอดภัยทุกระดับและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น