ท้องผูก เป็นอาการหนึ่งที่พบบ่อยมาก เกือบทุกคนมักเคยมีอาการท้องผูกในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ส่งผลให้รบกวนชีวิตประจำวัน และคุณภาพชีวิต เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่คนไข้มักมาปรึกษาแพทย์

 

อาการท้องผูก หมายถึง การถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง หรือ เม็ดกระสุน นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงการถ่ายลำบาก ที่ต้องใช้การเบ่งช่วย ใช้น้ำฉีด ใช้นิ้วล้วงช่วย รู้สึกว่าถ่ายไม่สุด อึดอัดแน่นท้อง เจ็บปวดระหว่างถ่าย หรือถ่ายมีเลือดปน ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าคุณมีอาการท้องผูก

 

ปัจจัยเสี่ยงของท้องผูก

  • ท้องผูก มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะตอนตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย และขณะตั้งครรภ์ ทารกจะกดเบียดลำไส้ ทำให้ขัดขวางการเคลื่อนตัวของอุจจาระ
  • ผู้สูงอายุ เนื่องจาก แนวโน้มการเคลื่อนไหว การเผาผลาญของร่างกายลดลง และการบีบตัวของกล้ามเนื้อในทางเดินอาหารน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่
  • ทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย เพราะกากใยช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
  • ไม่ค่อยออกกำลังกาย
  • ความเครียด
  • ดื่มนม หรือกิน cheese ปริมาณมาก
  • กลั้นอุจจาระ เวลาปวดท้องถ่ายตอนเช้า

 

สาเหตุของท้องผูก

ท้องผูกที่มีสาเหตุอื่น นอกจากการทำงานผิดปกติของลำไส้ (Secondary Constipation)  เช่น

  • จากทางเดินอาหาร มีการอุดตันจากเนื้องอกในลำไส้ หรือเนื้องอกอวัยวะอื่นมากดเบียดทับ พังผืดในช่องท้อง ลำไส้กลืนกัน
  • จากฮอร์โมนผิดปกติ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ทำงานต่ำ
  • เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ เช่น โพแทสเซียมในเลือดต่ำ แคลเซียมในเลือดสูง
  • การตั้งครรภ์
  • ยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาแก้ปวดกลุ่ม opioids หรือ NSAIDs, ยารักษาจิตเวช (TCA, SSRIs) ยาลดกรด แคลเซียม ธาตุเหล็ก ยาแก้ไอ
  • โรคทางระบบประสาท เช่น ภาวะการบาดเจ็บของกระดูกและไขสันหลัง พาร์กินสัน เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก ผู้ป่วยนอนติดเตียง

 

ท้องผูกที่มีสาเหตุจาก ความผิดปกติของการทำงานของลำไส้และการขับถ่าย (Primary Constipation) เช่น

  • ท้องผูกชนิดที่มีการเคลื่อนไหวตัวของลำไส้ปกติ หรืออาจจะเรียกกลุ่มนี้ว่า ลำไส้แปรปรวนชนิดท้องผูก พบบ่อยที่สุด
  • ความผิดปกติของหูรูดทวาร
  • ลำไส้เคลื่อนตัวช้าผิดปกติ

 

วิธีการรักษา

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • ทานอาหารที่มีกากใยสูง ผัก ผลไม้ เช่น ลูกพรุน ส้ม กล้วย มะละกอ
  • ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เนื่องจาก การเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้นด้วย
  • เวลาปวดท้องถ่ายตอนเช้า พยายามเข้าห้องน้ำให้เป็นนิสัย เพราะสัญญาณกระตุ้นการถ่ายจากสมอง มักมาตอนเช้า ไม่ควรกลั้นอุจจาระไว้จนหายปวด จะทำให้ถ่ายไม่ออกและเกิดอาการท้องผูก

 

  1. ยาระบาย
  • ยาระบายที่ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming laxatives) เช่น Mucillin
  • ยาที่ออกฤทธิ์โดยการดูดซึมน้ำกลับเข้ามาในลำไส้ (Osmotic laxatives) ทำให้อุจจาระนิ่มและถ่ายง่ายขึ้น เช่น lactulose, Milk of Magnesia (MOM)
  • ยาที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (stimulant laxatives) เช่น มะขามแขก, bisacodyl
  • ยากลุ่มอื่นๆ เช่น ยาสวน หรือ ยากระตุ้นการทำงานของลำไส้ (Prokinetic drugs)

 

หากคุณอายุมากกว่า 50 ปี หรือมีสัญญาณเตือนอื่นๆ นอกเหนือจากท้องผูก เช่น ถ่ายเป็นมูกเลือด ลำอุจจาระเล็กลง คลำเจอก้อนในช่องท้อง น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ หรือมีภาวะซีด แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมโดย การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) เพื่อให้แน่ใจว่าอาการท้องผูกนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ ที่รุนแรง เช่น การอุดตันในลำไส้ หรือ มะเร็งลำไส้ใหญ่

 

นพ. ธนชัย  ปัญจชัยพรพล
อายุรแพทย์ทางเดินอาหารและตับ  โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต