ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD คือ การที่ร่างกายมีระดับของเอนไซม์ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase (G6PD) ต่ำกว่าคนปกติ ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้พบได้ในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เม็ดเลือดแดงคงตัว และป้องกันไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย

สาเหตุของโรค

โรคพร่องเอนไซม์ G6PD เป็นโรคทางพันธุกรรม ซึ่งบางคนก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตนเองเป็นโรคนี้ เนื่องจากไม่ได้มีการตรวจคัดกรองตั้งแต่แรกเกิด

อาการของโรค

คนไข้จะมีอาการก็ต่อเมื่อได้รับยา หรือสารต้องห้าม ซึ่งได้แก่

  • ยาบางกลุ่ม เช่น ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิด ยาแอสไพริน ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยากลุ่มซัลฟาหรือไนโตรฟูแรนโทอิน เป็นต้น ยาต้านมาลาเรียบางชนิด เช่น ควินิน หรือควินิดีน เป็นต้น
  • อาหารบางชนิด เช่น ถั่วปากอ้า เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ โยเกิร์ตบางชนิดที่มีถั่ว ไวน์แดง
  • การได้รับกลิ่นลูกเหม็น
  • เคยมีรายงานการมีอาการหลังได้รับวิตามิน ซี ในปริมาณสูง ทางหลอดเลือด

เมื่อได้รับยา หรือสารต้องห้ามเข้าไปในร่างกาย จะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก คนไข้จะมีอาการซีดลง รู้สึกเหนื่อยเพลีย ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีโค้ก หรือสีน้ำปลา โดยจะมีอาการ 1-2 วันหลังได้รับสารต้องห้าม ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ทันที

การรักษา

การรักษาเป็นแบบประคับประคอง ในกรณีที่คนไข้มีอาการเหนื่อยเพลีย หน้ามืด เป็นลม ปัสสาวะเป็นสีโค้ก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์จะให้น้ำเกลือ เพื่อขับสารสีโค้กให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว หลังจากนั้นเม็ดเลือดแดงก็จะหยุดการแตกตัวได้ภายใน 7-10 วัน

การป้องกัน

แนะนำตรวจ G6PD เพิ่มเติม หากไม่เคยตรวจคัดกรองมาก่อน

หากทราบว่ามีภาวะบกพร่องเอนไซม์ G6PD

  1. ผู้ป่วยจะต้องมีสมุดประจำตัว เวลาไปพบแพทย์หรือเภสัชกร จะได้ทราบว่าควรหลีกเลี่ยงยาชนิดใดบ้าง
  2. หลีกเลี่ยงการกินถั่วปากอ้า การกินเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ โยเกิร์ตบางชนิดที่มีถั่ว ไวน์แดง
  3. หลีกเลี่ยงการได้กลิ่นลูกเหม็น
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิด ยาแอสไพริน ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยากลุ่มซัลฟา หรือไนโตรฟูแรนโทอิน เป็นต้น ยาต้านมาลาเรียบางชนิด เช่น ควินิน หรือควินิดีน เป็นต้น
  5. ควรหลีกเลี่ยงการได้รับวิตามิน ซี ทางหลอดเลือด