ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) คือการพยายามตั้งครรภ์ติดต่อกัน นานกว่า 12 เดือน โดยมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอและไม่ได้คุมกำเนิด แต่ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ (หากอายุเกิน 35 ปี ระยะเวลานี้จะลดเหลือ 6 เดือน) ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยของฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย หรือทั้งคู่ร่วมกัน
ทำไมไข่ตกแล้วถึงไม่ท้อง
ถึงแม้ผู้หญิงจะมี “ไข่ตก” ก็ยัง ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งครรภ์ได้ทุกครั้ง เพราะการตั้งครรภ์ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างพร้อมกัน
- อสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้
- ฝ่ายชายมีอสุจิน้อย เคลื่อนไหวช้า หรือรูปร่างผิดปกติ
- มีกำแพงเมือกในปากมดลูกหรือแอนติบอดีต้านอสุจิ
- ท่อนำไข่อุดตันหรือเสียหาย
- ไข่ที่ตกแล้วจึงไม่สามารถเดินทางไปเจออสุจิ
- อาจเกิดจากการติดเชื้อ พังผืด หรือผ่าตัดมาก่อน
- มดลูกไม่พร้อมให้ตัวอ่อนฝังตัว
- เยื่อบุโพรงมดลูกบางเกินไป หรือผิดเวลา
- มีติ่งเนื้อ มดลูกโตผิดรูป หรือมีพังผืดในโพรงมดลูก
- ตัวอ่อนมีปัญหาโครโมโซมหรือไม่แข็งแรง
- ถึงจะปฏิสนธิแล้ว แต่ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวหรือฝังตัวแล้วหลุดไป
- ระบบฮอร์โมนผิดปกติ
- แม้จะมีไข่ตกแต่ฮอร์โมนที่ช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัว (เช่น โปรเจสเตอโรน) ไม่เพียงพอ
- หรือภาวะเช่น PCOS ซึ่งไข่อาจตกไม่สม่ำเสมอและคุณภาพไข่ต่ำ
การรักษาภาวะมีบุตรยากมีทางเลือกอะไรบ้าง
- ยากระตุ้นไข่ตก (Ovulation induction)
- ใช้ในคนที่มีปัญหาไข่ไม่ตกหรือตกไม่สม่ำเสมอ
- เช่น Clomiphene citrate หรือ Letrozole
- ต้องอัลตราซาวนด์ติดตามขนาดไข่และช่วงเวลาไข่ตก
- การผสมเทียม (IUI – Intrauterine Insemination)
- นำอสุจิคัดพิเศษฉีดเข้ามดลูกช่วงไข่ตก
- เหมาะกับผู้ที่ท่อนำไข่ปกติ และฝ่ายชายมีอสุจิเพียงพอ
- ทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization)
- เก็บไข่และอสุจิออกมาผสมกันนอกร่างกาย แล้วย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก
- ใช้ในกรณีท่อนำไข่อุดตัน อสุจิน้อย หรือเคย IUI ไม่สำเร็จ
- การผ่าตัดเพื่อรักษาสาเหตุโครงสร้าง
- เช่น ผ่าตัดเปิดท่อนำไข่ ตัดพังผืด ตัดติ่งเนื้อในโพรงมดลูก
- การปรับพฤติกรรมและสุขภาพ
- ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงบุหรี่-แอลกอฮอล์ ลดเครียด
- ปรับเวลามีเพศสัมพันธ์ให้ตรงกับช่วงไข่ตก (ใช้ OPK หรือนับรอบเดือน)
แม้ไข่จะตก แต่ถ้าอสุจิไม่ถึงไข่ ไข่ไม่สมบูรณ์ หรือมดลูกไม่พร้อมรับตัวอ่อน ก็ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ต้องตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และเลือกรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคน