สาหตุและการติดต่อของไช้เลือดออก
ไข้เลือดอกมีสาเหตุจากเชื้อไรัสเดงกี่ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ชอบอาศัยอยู่รอบ ๆ บ้านตามแหล่งชุมชน แพร่พันธุ์ในที่มีน้ำขัง เช่น ภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้าน หรือน้ำฝนที่ตกค้างอยู่ในภาชนะต่าง ๆ รอบ ๆ บ้านเมื่อยุงลายตัวเมียกัดดูดเลือตจากผู้ป่วยไข้เลือดออกเชื้อไวรัสจะฟักตัวในยุงประมาณ 8-10 วัน และจะมีเชื้อในยุงตลอดอายุ 1-2 เตือน ไช้เลือดออกไม่สามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้โดยตรงต้องอาศัยยุงลายเป็นพาหะนำโรค การที่เราพบเด็กหลายคนในชุมชนเดียวกัน ป่วยด้วยไข้เลือดออกพร้อม ๆ กัน เพราะเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน จึงถูกยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคกัดในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
อาการของไข้เลือดออก แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสจะมีระยะพักตัวประมาณ 5-8 วัน จึงจะเริ่มมีอาการตามระยะต่าง ๆ ดังนี้
1. ระยะไข้สูง
- ไข้อาจสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส (3-7 วัน)
- เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดหัว หรือปวดท้อง
- ปวดกล้ามเนื้อ วันที่ 2-3 เด็กมักซึม
- หน้าแดง ตัวแดง อาจมีผื่น หรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง
- มีโอกาส 60-90% ที่ตรวจพบตับโต
- Touniquet test: ให้ผลบวก
- ผลตรวจ Debgue NS1 Antigen : ให้ผลบวก และผลตรวจเกล็ดเลือดต่ำ
2. ระยะวิกฤติ (ระยะช็อคและเลือดออก)
- ไข้ลด (ประมาณวันที่ 3-6 ของโรค)
- อาการทรุดลงเข้าสู่ภาวะช็อค อาจจะมีอาการ กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็ว และความดันโลหิตต่ำ
- อาเจียนมาก
- ปวดท้อง
- บางรายซึมมากขึ้น
- ปัสสาวะออกน้อย
- อาจมีเลือดออกในกระเพาะ
- ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน และได้รับการรักษาทันและถูกต้อง ระยะนี้จะกินเวลา 24-48 ชม. แล้วเข้าสู่ระยะที่ 3
3. ระยะฟื้นตัว
- อาการทั่วไปดีขึ้น
- ความดันโลหิตดีขึ้น
- ชีพจรปกติ
- ปัสสาวะออกมากขึ้น
- ตับที่โตจะลดขนาดลงภายใน 1-2 สัปดาห์
- เริ่มรับประทานอาหารได้
- มีผื่นแดงที่ขา ปลายเท้า ปลายมือ และมีอาการคัน
การรักษา
ผู้ป่วยที่อาเจียนให้ดื่มน้ำ/น้ำเกลือแร่บ่อยๆ วิธีสังเกดว่า ดื่มน้ำพอหรือไม่คือ ปัสสาวะควรมีสีใส และถ่ายปัสสาวะพุก 4-6 ชม. ควรพบแพทย์เป็นระยะๆ ตามนัด เพื่อเฝ้าดูอาการที่อาจเป็นอัตรายอย่างใกล้ชิด ถ้าอาเจียนมาก ซึม เพลียมาก มีอาการช็อค และมีอาการเลือดออกควรรักษาในโรงพยาบาล และดูแลใกล้ชิด เพื่อรักษาได้ทันท่วงที ให้ยาแก้ไข้พาราเซตามอลได้ ไม่ควรให้ยาแอสไพริน เพราะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร โอกาสมีเลือดออกทางกระเพาะอาหารได้ง่าย
วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก
1. การป้องกันด้วยวัคซีน (Vaccine)
- วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์ และไมจำเป็นต้องตรวจภูมิก่อนฉีด สามารถใช้ได้ทั้งคนที่เคย/ไม่เคยเป็นไข้เลือดออก
- ฉีดแค่ 2 เข็ม แบบ subcutaneous ห่างกัน 3 เดือน
- ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4-60 ปี
- ป้องกันการติดเชื้อทั้ง 4 สายพันธุ์ ได้ 80%
- ป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากโรคไข้เลือดออกได้มากถึง 90%
- วัคซีนมีความปลอดภัยสูง side effect เหมือนฉีดวัคซีนทั่วๆไป อาจมีไข้ต่ำๆ หรือปวดบริเวณที่ฉีด
- มีการศึกษาในคนไทย คิดเป็น 15% ของทั้ง study
- อยู่ใน Guideline ที่แนะนำโดยสมาคมโรคติดเชื้อเด็กแห่งประเทศไทย และ IDAT guideline
2. พยายามไม่ให้ยุงกัด ช่วงเวลาที่ยุงลายชอบกัด คือ ตอนกลางวัน
3. ปราบและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งชอบวางไข่ในน้ำสะอาดที่อยู่นิ่ง ตามภาชนะต่าง ๆ ที่มีน้ำยัง
4. ผู้ป่วยที่เป็นใข้เลือดออกไม่ควรให้ถูกยุงกัด ภายใน 5 วันแรกเพราะผู้ป่วยยังมีไวรัสอยู่ในเลือด ทำให้แพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้
5. รายงานคนไข้ไปที่โรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือสาธารณะสจังหวัด เพื่อสิ่งเจ้าหน้าที่ไปทำการกำจัดยุงบริเวณนั้น ก่อนที่จะมีการระบาดเพิ่มขึ้น