รากฟันเทียมหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฟันเทียมเป็นการแทนที่ฟันแท้ที่สูญเสียไปด้วยฟันเทียมที่ถูกประทับใส่ในโพรงฟัน รากฟันเทียมสามารถมีประโยชน์อย่างมากในหลายด้าน ดังนี้
- ปรับรูปร่างและลักษณะทางเสียง รากฟันเทียมช่วยปรับรูปร่างของใบหน้าเมื่อฟันแท้สูญเสีย และช่วยปรับทรงพรรณของริมฝีปาก ซึ่งส่งผลให้มีความสมส่วนและดูมีเสน่ห์มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับเสียงพูดให้เป็นปกติขึ้นเมื่อฟันแท้ขาดหายไปในบางตำแหน่ง
- ความสบายในการรับประทานอาหาร รากฟันเทียมช่วยเติมที่ช่องว่างที่ฟันแท้ขาดหายไป ทำให้คุณสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างสบายตัว และสามารถรับประทานอาหารที่อาจจะยากลำบากกับฟันแท้ที่สูญเสียไปได้
- สร้างความเชื่อมั่นในการยิ้ม รากฟันเทียมช่วยฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้มได้ ซึ่งอาจมีผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นและความรู้สึกดีต่อชีวิตประจำวัน
- รากฟันเทียมช่วยให้ง่ายต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก เนื่องจากคุณสามารถแปรงฟันเทียมได้เช่นเดียวกับฟันแท้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ด้านกว้างของสารประกอบที่ใช้ในการทำความสะอาดฟันแท้ในการดูแลรากฟันเทียมได้เช่นกัน
รากฟันเทียมมีความเหมือนหรือแตกต่างกับรากฟันแท้เป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจใช้งาน ดังนี้
- การรักษา: รากฟันเทียมต้องการการดูแลและการรักษาเหมือนกับฟันแท้ คุณต้องรักษาความสะอาดและความเป็นอันตรายเช่นเดียวกับฟันแท้ เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอและการไปตรวจสุขภาพช่องปากอย่างประจักษ์แก่ทันตแพทย์
- การเจาะรากฟันแท้: การใช้รากฟันเทียมอาจต้องการการเจาะรากฟันแท้ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่ฟันแท้สูญเสีย ซึ่งอาจต้องการการกระทำทางทันตกรรมที่ซับซ้อนขึ้น การเจาะรากฟันแท้อาจมีความเสี่ยงของการทำให้รากฟันแท้เสื่อมสภาพได้
- การปรับรูปร่างและการทางเสียง: การใช้รากฟันเทียมอาจทำให้รูปร่างใบหน้าดูเปลี่ยนแปลง และอาจมีผลกระทบต่อการออกเสียงบางประการ เช่น การออกเสียงฟันแท้ที่สูญเสียไปอาจไม่ได้ผลลัพธ์เดียวกับการออกเสียงฟันเทียม
- ความรู้สึก: รากฟันเทียมอาจไม่ให้ความรู้สึกเหมือนกับฟันแท้ อาจมีความผิดปกติในการรู้สึกอาหาร ความรู้สึกต่ออุณหภูมิ หรือการรับรู้แรงกดที่ส่วนของรากฟันเทียม
ในการทำรากฟันเทียม มีข้อห้ามที่คุณควรปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
- ไม่ดูแลสุขภาพช่องปาก: ห้ามละเลยการดูแลสุขภาพช่องปาก คุณควรแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอด้วยแปรงสองครั้งต่อวัน ใช้เชื้อจุลินทรีย์สำหรับช่องปาก และไปตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันตแพทย์เป็นประจำ
- ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์: ห้ามละเลยคำแนะนำและคำแนะนำของทันตแพทย์ คุณควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการดูแลรักษารากฟันเทียมอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำให้
- ไม่รักษาความสะอาด: ห้ามละเลยการรักษาความสะอาดของรากฟันเทียม คุณควรใช้สายสีส้มหรือสายสะอาดระหว่างรากฟันเทียมเพื่อกำจัดเศษอาหารและเชื้อโรคที่สะสมอยู่
- ไม่ใช้ฟันเทียมเป็นเครื่องมือ: ห้ามใช้รากฟันเทียมในการเปิดขวดหรือบิดสกรู เนื่องจากอาจทำให้รากฟันเสียหายหรือชำรุดได้
- ห้ามใช้งานรากฟันเทียมอย่างรุนแรง เช่น การเคี้ยวอาหารหรือเบี้ยววัตถุแข็งอย่างแรง ซึ่งอาจทำให้รากฟันเทียมแตกหรือชำรุดได้
- ไม่เคลื่อนไหวรากฟันเทียม: ห้ามเคลื่อนไหวรากฟันเทียมด้วยมือ คุณควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้รากฟันเทียมเสียหาย เช่น การเลื่อนรากฟันเทียมด้วยนิ้วหรือใช้ฟันเทียมเป็นเครื่องมือ
- ไม่การณ์สภาพสารประกอบที่ใช้ในการทำรากฟันเทียม: ห้ามเสี่ยงต่อการดูดซึมสารประกอบที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ คุณควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบถ้าคุณมีประวัติการแพ้ต่อสารใดๆ
ผู้ใดเหมาะสม ในการทำรากฟันเทียม
ขึ้นอยู่กับสถานะสุขภาพช่องปากและความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งมีบางกลุ่มของบุคคลที่อาจพิจารณาใช้รากฟันเทียมได้ดี ได้แก่
- บุคคลที่สูญเสียฟันแท้: การใช้รากฟันเทียมเหมาะสำหรับบุคคลที่สูญเสียฟันแท้เป็นจำนวนมากหรือมีบางฟันสูญเสียอย่างที่ส่งผลต่อรูปร่างใบหน้าและฟังก์ชันการรับประทานอาหาร
- บุคคลที่มีโรคเนื้องอกเกิดขึ้นในรากฟัน: บุคคลที่มีโรคเนื้องอกและการเสื่อมสภาพรากฟันมากพอที่จะไม่สามารถรักษารักษาและฟื้นฟูรากฟันแท้ได้ รากฟันเทียมอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการแทนที่รากฟันเสียหายนี้
- บุคคลที่มีการขาดฟันและต้องการฟื้นฟูรูปร่างใบหน้า: การใช้รากฟันเทียมสามารถช่วยปรับรูปร่างใบหน้าเมื่อฟันแท้สูญเสียและฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้ม สำหรับบุคคลที่ต้องการฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้มและความมั่นใจในรูปร่างของใบหน้า
- บุคคลที่ต้องการความสะดวกในการรับประทานอาหาร: รากฟันเทียมช่วยให้คุณสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวหรือการรับประทานอาหารที่อาจทำให้ไม่สะดวกกับฟันแท้ที่สูญเสียไป
ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้การประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสมต่อสถานะสุขภาพช่องปากและความต้องการของคุณเอง