รากฟันเทียมหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฟันเทียมเป็นการแทนที่ฟันแท้ที่สูญเสียไปด้วยฟันเทียมที่ถูกประทับใส่ในโพรงฟัน รากฟันเทียมสามารถมีประโยชน์อย่างมากในหลายด้าน ดังนี้

  1. ปรับรูปร่างและลักษณะทางเสียง รากฟันเทียมช่วยปรับรูปร่างของใบหน้าเมื่อฟันแท้สูญเสีย และช่วยปรับทรงพรรณของริมฝีปาก ซึ่งส่งผลให้มีความสมส่วนและดูมีเสน่ห์มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับเสียงพูดให้เป็นปกติขึ้นเมื่อฟันแท้ขาดหายไปในบางตำแหน่ง
  2. ความสบายในการรับประทานอาหาร รากฟันเทียมช่วยเติมที่ช่องว่างที่ฟันแท้ขาดหายไป ทำให้คุณสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างสบายตัว และสามารถรับประทานอาหารที่อาจจะยากลำบากกับฟันแท้ที่สูญเสียไปได้
  3. สร้างความเชื่อมั่นในการยิ้ม รากฟันเทียมช่วยฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้มได้ ซึ่งอาจมีผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นและความรู้สึกดีต่อชีวิตประจำวัน
  4. รากฟันเทียมช่วยให้ง่ายต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก เนื่องจากคุณสามารถแปรงฟันเทียมได้เช่นเดียวกับฟันแท้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ด้านกว้างของสารประกอบที่ใช้ในการทำความสะอาดฟันแท้ในการดูแลรากฟันเทียมได้เช่นกัน

 

รากฟันเทียมมีความเหมือนหรือแตกต่างกับรากฟันแท้เป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจใช้งาน ดังนี้

  1. การรักษา: รากฟันเทียมต้องการการดูแลและการรักษาเหมือนกับฟันแท้ คุณต้องรักษาความสะอาดและความเป็นอันตรายเช่นเดียวกับฟันแท้ เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอและการไปตรวจสุขภาพช่องปากอย่างประจักษ์แก่ทันตแพทย์
  2. การเจาะรากฟันแท้: การใช้รากฟันเทียมอาจต้องการการเจาะรากฟันแท้ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่ฟันแท้สูญเสีย ซึ่งอาจต้องการการกระทำทางทันตกรรมที่ซับซ้อนขึ้น การเจาะรากฟันแท้อาจมีความเสี่ยงของการทำให้รากฟันแท้เสื่อมสภาพได้
  3. การปรับรูปร่างและการทางเสียง: การใช้รากฟันเทียมอาจทำให้รูปร่างใบหน้าดูเปลี่ยนแปลง และอาจมีผลกระทบต่อการออกเสียงบางประการ เช่น การออกเสียงฟันแท้ที่สูญเสียไปอาจไม่ได้ผลลัพธ์เดียวกับการออกเสียงฟันเทียม
  4. ความรู้สึก: รากฟันเทียมอาจไม่ให้ความรู้สึกเหมือนกับฟันแท้ อาจมีความผิดปกติในการรู้สึกอาหาร ความรู้สึกต่ออุณหภูมิ หรือการรับรู้แรงกดที่ส่วนของรากฟันเทียม

 

ในการทำรากฟันเทียม มีข้อห้ามที่คุณควรปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

  1. ไม่ดูแลสุขภาพช่องปาก: ห้ามละเลยการดูแลสุขภาพช่องปาก คุณควรแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอด้วยแปรงสองครั้งต่อวัน ใช้เชื้อจุลินทรีย์สำหรับช่องปาก และไปตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันตแพทย์เป็นประจำ
  2. ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์: ห้ามละเลยคำแนะนำและคำแนะนำของทันตแพทย์ คุณควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการดูแลรักษารากฟันเทียมอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำให้
  3. ไม่รักษาความสะอาด: ห้ามละเลยการรักษาความสะอาดของรากฟันเทียม คุณควรใช้สายสีส้มหรือสายสะอาดระหว่างรากฟันเทียมเพื่อกำจัดเศษอาหารและเชื้อโรคที่สะสมอยู่
  4. ไม่ใช้ฟันเทียมเป็นเครื่องมือ: ห้ามใช้รากฟันเทียมในการเปิดขวดหรือบิดสกรู เนื่องจากอาจทำให้รากฟันเสียหายหรือชำรุดได้
  5. ห้ามใช้งานรากฟันเทียมอย่างรุนแรง เช่น การเคี้ยวอาหารหรือเบี้ยววัตถุแข็งอย่างแรง ซึ่งอาจทำให้รากฟันเทียมแตกหรือชำรุดได้
  6. ไม่เคลื่อนไหวรากฟันเทียม: ห้ามเคลื่อนไหวรากฟันเทียมด้วยมือ คุณควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้รากฟันเทียมเสียหาย เช่น การเลื่อนรากฟันเทียมด้วยนิ้วหรือใช้ฟันเทียมเป็นเครื่องมือ
  7. ไม่การณ์สภาพสารประกอบที่ใช้ในการทำรากฟันเทียม: ห้ามเสี่ยงต่อการดูดซึมสารประกอบที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ คุณควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบถ้าคุณมีประวัติการแพ้ต่อสารใดๆ

 

ผู้ใดเหมาะสม ในการทำรากฟันเทียม

ขึ้นอยู่กับสถานะสุขภาพช่องปากและความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งมีบางกลุ่มของบุคคลที่อาจพิจารณาใช้รากฟันเทียมได้ดี ได้แก่

  1. บุคคลที่สูญเสียฟันแท้: การใช้รากฟันเทียมเหมาะสำหรับบุคคลที่สูญเสียฟันแท้เป็นจำนวนมากหรือมีบางฟันสูญเสียอย่างที่ส่งผลต่อรูปร่างใบหน้าและฟังก์ชันการรับประทานอาหาร
  2. บุคคลที่มีโรคเนื้องอกเกิดขึ้นในรากฟัน: บุคคลที่มีโรคเนื้องอกและการเสื่อมสภาพรากฟันมากพอที่จะไม่สามารถรักษารักษาและฟื้นฟูรากฟันแท้ได้ รากฟันเทียมอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการแทนที่รากฟันเสียหายนี้
  3. บุคคลที่มีการขาดฟันและต้องการฟื้นฟูรูปร่างใบหน้า: การใช้รากฟันเทียมสามารถช่วยปรับรูปร่างใบหน้าเมื่อฟันแท้สูญเสียและฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้ม สำหรับบุคคลที่ต้องการฟื้นฟูความรู้สึกในการยิ้มและความมั่นใจในรูปร่างของใบหน้า
  4. บุคคลที่ต้องการความสะดวกในการรับประทานอาหาร: รากฟันเทียมช่วยให้คุณสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวหรือการรับประทานอาหารที่อาจทำให้ไม่สะดวกกับฟันแท้ที่สูญเสียไป

ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้การประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสมต่อสถานะสุขภาพช่องปากและความต้องการของคุณเอง