โรคมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมักจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การมีคู่นอนหลายคน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
การป้องกัน
ผู้หญิงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วยการรับการตรวจภายในพร้อมตรวจ Pap Smear เพื่อตรวจหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง ทำให้ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีการฉีดวัคซีนสำหรับป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก
วัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก คือ วัคซีนที่ใช้ฉีดป้องกันมะเร็งปากมดลูก ในปัจจุบันมี 3 ชนิด ได้แก่:
- ชนิด 2 สายพันธุ์ (Cervarix)
- ชนิด 4 สายพันธุ์ (Gardasil)
- ชนิด 9 สายพันธุ์ (Human Papillomavirus 9 – Valent Vaccine)
วัคซีนป้องกันอะไรได้บ้าง
มะเร็งปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ช่องปาก คอหอย ทวารหนัก และในชนิด 4 สายพันธุ์ ชนิด 9 สายพันธุ์ สามารถป้องกันโรคหูดหงอนไก่ของอวัยวะเพศและทวารหนักทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
ฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่
เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป และช่วงอายุไม่เกิน 15 ปี จะฉีด 2 เข็ม โดยเข็มแรกห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือน ช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป ฉีด 3 เข็ม โดยระยะห่างของการฉีดคือ 0, 2, 6 เดือน
ฉีดบริเวณใดและผลข้างเคียง
การฉีดวัคซีนเข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการเหมือนกับการได้รับวัคซีนชนิดอื่นๆ เช่น อาจมีไข้ต่ำ ๆ ในบางราย หรือปวดบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการฉีด และควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง วันที่ฉีดวัคซีนไม่ควรมีไข้ หรืออาการเจ็บป่วยใด ๆ ควรงดออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนฉีดวัคซีนและงดออกกำลังกายหลังฉีดวัคซีน 1 วัน
ประสิทธิภาพของวัคซีน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ควรฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์และร่างกายอยู่ในวัยที่สร้างภูมิคุ้มกันได้ดี โดยฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบขึ้นไปจนถึงอายุ 26 ปี และวัคซีนมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ยาวนานอย่างน้อย 6-11 ปีขึ้นไป