การที่เด็กไม่ได้รับวัคซีนที่กำหนดทำให้เกิดการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ เช่น หัด(2019) ไอกรน(2018) และโรคพิษสุนัขบ้า ที่มีอัตราการตายถึง 95-100% การฉีดวัคซีนตามเกณฑ์จึงมีความสำคัญซึ่งสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กกำหนดให้ฉีดวัคซีนให้ใกล้เคียงภาวะปกติ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ โควิด-19 แย่ลง ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ในเด็กควรมีการฉีดวัคซีนตรงตามกำหนด ในช่วงอายุแรกเกิด ถึง 2-2.5 ปี โดยเฉพาะวัคซีนบีซีจี และตับอักเสบบี พิษสุนัขบ้า บาดทะยัก หัด อีสุกอีใส เนื่องจากเป็นวัคซีนป้องกันอาการรุนแรงของเด็กเล็ก การไม่ฉีดวัคซีนจะมีผลเสียมากกว่า
ไข้หวัดใหญ่ และโรคโควิด-19 มีอาการที่คล้ายคลึงกัน เช่น มีไข้ ไอ และเหนื่อยหอบได้ รวมทั้งผลเลือดและเอ็กซเรย์ปอดจะเป็นลักษณะปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จากการศึกษาพบว่าสามารถเกิดโรคร่วมกันได้ แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลว่าทำให้โรคโควิด-19 รุนแรงขึ้น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงมีความสำคัญเพราะช่วยลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ได้
จากการศึกษาพบว่า โรคโควิด-19 สามารถมีการติดเชื้อร่วมกัน โดยเฉพาะแบคทีเรียได้ประมาณ 50% ซึ่งบางส่วนเป็นเชื้อ IPD (Streptococcus pneumoniae) แต่การฉีดวัคซีน IPD ไม่สามารถป้องกันโควิด-19ได้ ยังคงต้องมีการศึกษาต่อไปในเรื่องนี้
ดังนั้นการฉีดวัคซีนในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีความจำเป็น เพียงแต่ต้องทำโดยขั้นตอนที่รวดเร็ว เพื่อลดการสัมผัสโรค เช่น การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารมาช่วย การรวมฉีดวัคซีนหลายชนิดในครั้งเดียว ความรวดเร็วในการมารพ. ที่มีการจัดการเรื่องความสะอาด มีเจลแอลกอฮอล์ มีการนั่งแยก (Physical distancing) การจัดเก็บของเล่นออกชั่วคราว การฉีดในรถ ฉีดที่บ้าน
โดยสรุปการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่ป้องกันได้ ในช่วงที่มีโรคระบาด ยังมีความจำเป็น เพราะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องลูกน้อยจากการเสียชีวิตด้วยโรคที่ป้องกันได้