วัคซีนเสริม คือ เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค แต่เป็นวัคซีนที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่สามารถตัดสินใจจะให้ลูกฉีดหรือไม่ก็ได้
วัคซีนเสริมในเด็กมีดังนี้
- วัคซีนเสริมป้องกันโรคอุจจาระร่วง เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าซึ่งทำให้เกิดอาการ มีไข้ ท้องเสีย อาเจียน และอาจมีอาการรุนแรงจนร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อายุน้อยกว่า 2 ปี โดยไวรัสโรต้าเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียที่สำคัญของเด็กเล็กในประเทศไทย ปัจจุบันวัคซีโรต้าอยู่ในรูปแบบรับประทาน มี 2 ชนิดตามสายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิตวัคซีน แนะนำให้วัคซีนในเด็กอายุ 2, 4, และ 6 เดือน หรือ 2, 4 เดือน แล้วแต่ชนิดของวัคซีนที่เลือกใช้
- วัคซีนเสริมป้องกัน นิวโมคอคคัส (วัคซีน ไอพีดี) เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส หรือ pneumoniae ซึ่งก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ในเด็กเล็กโดยพบมาก รองจากเชื้อฮิบ นอกจากนั้นยังเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรงได้ วัคซีนนิวโมคอคคัสที่ใช้กันในปัจจุบันสำหรับเด็กเล็กมี 2 ชนิด แตกต่างกันตามจำนวนสายพันธุ์ของเชื้อ โดย แนะนำให้ฉีดในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ถึง 5 ปี โดยฉีดทั้งหมด 1-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอายุที่เริ่มฉีด
- วัคซีนเสริมป้องกันตับอักเสบเอ เพื่อป้องกันการเกิดดีซ่าน ตัวเหลืองตาเหลืองจากเชื้อ ไวรัสตับอักเสบเอ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน
- วัคซีนเสริมป้องกันโรคอีสุกอีใส ฉีดครั้งแรกได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป หากยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส แนะนำ ให้ฉีดครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี ถ้าอายุเกิน13 ปี ต้องฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4-8 สัปดาห์ เด็กที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้ว ยังมีโอกาสเป็นสุกใสได้เล็กน้อย
- วัคซีนเสริมไข้หวัดใหญ่ เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ฉีดปีละ 1 ครั้ง เมื่อเริ่ม เข้าสู่หน้าฝน หรือเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว เด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี ที่ได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรก ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1-2 เดือน วัคซีนป้องกันโรคได้ประมาณร้อยละ 60-70
- วัคซีนเสริมไวรัสฮิวแมนแปปิลโลมา ป้องกันการติดเชื้อโรคร้ายทางปากมดลูก ที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายทางปากมดลูกได้ร้อยละ 70-90 ชนิด 2 สายพันธุ์ใช้กับผู้หญิงเท่านั้นชนิด 4 สายพันธุ์จะเพิ่มป้องกันหูดอวัยวะเพศได้ด้วย ใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แนะนำ ทั่วไปในเด็กอายุ 11-12 ปี
- วัคซีนมือเท้าปาก (Enterovirus Type71 Vaccine) ต้องได้รับทั้งหมด 2 โดส โดยห่างกัน 1 เดือน แนะนำสำหรับน้องอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี 11 เดือน 29 วัน จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า หากรับครบ 2 โดส ยังมีภูมิกว่า 90% เมื่อผ่านไป 2 ปี จึงยังไม่มีคำแนะนำว่าต้องฉีดเข็มกระตุ้น โดยสามารถรับพร้อมวัคซีนพื้นฐานได้ ไม่จำเป็นต้องทิ้งระยะ
สาเหตุที่ต้องฉีดวัคซีนเสริม
การฉีดวัคซีนเสริมเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อลดความเจ็บป่วยต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เด็กจะได้มีสุขภาพดี แข็งแรง สมบูรณ์ พร้อมที่จะเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ การรับวัคซีนเสริมในแต่ละชนิดนั้นควรฉีดเมื่ออยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยสามารถปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงความเสี่ยงของเด็กว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด
การปฏิบัติตัวเมื่อรับการฉีดวัคซีนเสริมแล้ว
หลังจากฉีดวัคซีนเสร็จแล้วควรพักสังเกตุอาการแพ้รุนแรง 30 นาที อาการ ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีดอาจเกิดขึ้นได้ เด็กอาจร้องกวนงอแง ถ้ามีอาการบวม ให้ใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นประคบบริเวณที่บวมทันทีหรือภายใน 24 ชั่วโมง และรับประทานยาพาราเซตามอลร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์
อาการที่ต้องรีบมาพบแพทย์
หลังจากฉีดวัคซีนไป2-3วันแล้วยังมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีด มีไข้สูง คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษา
แพทย์ที่แนะนำ
แพทย์หญิง อุษณีย์ ตั้งประดิษฐ์ และ แพทย์หญิง พัชรินทร์ มีศักดิ์
ตารางออกตรวจแพทย์ มีแพทย์ออกตรวจทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 07:15-19:45 น.