อาการท้อง หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) คือภาวะที่ตัวอ่อนฝังตัวอยู่บริเวณอื่นที่ไม่ใช่โพรงมดลูก มักเกิดขึ้นบริเวณท่อนำไข่ (ปีกมดลูก) ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปเป็นทารกได้ ดังนั้นเมื่อมีการตั้งครรภ์จึงควรฝากครรภ์และรับการตรวจตามนัดหมาย จะมีอาการดังนี้

  • ปวดท้องน้อย ปวดร้าวไปถึงบริเวณทวารหนัก ต้นขาหรือไหล่
  • มีเลือดออกจากช่องคลอด หน้ามืด เป็นลม หรือมีภาวะช็อก

 

สาเหตุของการตั้งครรภ์นอกมดลูก

1.ท่อนำไข่มีลักษณะผิดรูป ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปฝังตัวในโพรงมดลูกได้ ท่อนำไข่ผิดรูปร่างมักเกิดจากสาเหตุดังนี้

  • อุ้งเชิงกรานอักเสบจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำให้มีพังผืดบริเวณท่อนำไข่
  • มีรอยแผลและพังผืดจากการผ่าตัด
  • เคยมีประวัติการตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน
  • การทำหมันหรือการแก้หมันหญิง

2.เกิดจากการใช้ยาและฮอร์โมน

3.เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนในกระบวนการตั้งครรภ์

4.คุณแม่ตั้งครรภ์เมื่อมีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ทำให้มีความเสี่ยงที่อวัยวะในระบบสืบพันธุ์อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำงานด้อยประสิทธิภาพลง

 

การวินิจฉัยการตั้งครรภ์นอกมดลูก

  1. แพทย์จะซักถามประวัติอาการ การมีประจำเดือนร่วมกับการตรวจร่างกายบริเวณหน้าท้อง
  2. การตรวจภายใน
  3. ตรวจเลือดหาฮอร์โมน HCG และ อัลตร้าซาวด์ผ่านทางช่องคลอดจะพบตัวอ่อนนอกโพรงมดลูก

 

การรักษาการตั้งครรภ์นอกมดลูก

  1. การใช้ยาโดยใช้ยาเคมีบำบัด คือ ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ซึ่งเป็นยาที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ ซึ่งในกรณีที่ใช้ยาแล้วไม่ตอบสนองต่อการรักษา จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดต่อไป
  2. การผ่าตัดโดยกรีดท่อนำไข่ นำตัวอ่อนออกและเย็บซ่อมท่อนำไข่ วิธีนี้จะเป็นการรักษาท่อนำไข่ไว้แต่จะมีโอกาสเกิดตั้งครรภ์นอกมดลูกซ้ำ หรือการผ่าตัดท่อนำไข่ออก โดยวิธีการผ่าตัดแบ่งเป็น 2 วิธีคือ การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องและการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งการผ่าตัดส่องกล้องผู้ป่วยจะมีแผลเล็กกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
  3. การรักษาภาวะแทรกซ้อนเช่น ภาวะช็อกจากการเสียเลือดมาก อาจจะต้องได้รับเลือดทดแทน ภาวะอักเสบติดเชื้อ อาจต้องได้รับยาลดการอักเสบและยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

 

การป้องกันการตั้งครรภ์นอกมดลูก

ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อความเสียหายต่ออวัยวะในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ ซึ่งจะนำไปสู่การท้องนอกมดลูกในที่สุดได้ เช่น

  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการอักเสบติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • รักษาสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่ เพราะผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงในการท้องนอกมดลูก
  • คุณแม่ควรสังเกตอาการขณะตั้งครรภ์ โดยหากมีอาการปวดท้องมากเกินไป มีเลือดออกผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว