การ ตรวจ HIV ในปัจจุบัน ใช้เลือดในการตรวจหาเชื้อ HIV เท่านั้น ซึ่งมี 4 แบบ ได้แก่

  1. การตรวจแบบ Anti-HIV การตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Antibody) ของร่างกายที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองการที่มีเชื้อ HIVเข้าสู่ร่างกาย เป็นการตรวจที่สามารถทราบผลใน 1-2 ชั่วโมงหลังการตรวจ แต่เป็นผลย้อนหลังไปประมาณ 1 เดือน หากมีพฤติกรรมเสี่ยงมาไม่ถึง 1 เดือน ถึงผลเลือดจะออกมาเป็นลบ (Negative = ไม่พบเชื้อเอชไอวี) แพทย์จะลงความเห็นว่า เชื้ออยู่ในช่วงระยะฟักตัว หรือยังตรวจไม่พบด้วยวิธีการตรวจแบบ Anti-HIV
  2. การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing) คือการหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HIVเป็นวิธีที่มีความไวมากที่สุด สามารถชี้วัดผลจากร่างกายย้อนหลังไปประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยง (วิธีนี้ใช้ในการตรวจคัดกรองเลือดผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น)
  3. การตรวจในรูปแบบ Rapid HIV Test เป็นการตรวจ HIV ชนิดเร็ว รอผลเพียง 20 นาที แต่เป็นเพียงการตรวจ เพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากว่าการตรวจแบบ Rapid HIV Test ให้ผลเป็นบวก (พบเชื้อ HIV) จะต้องเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่า ติดเชื้อจริง ๆ ด้วยวิธีการตรวจAnti-HIV หรือ NAT แล้วแต่ระยะเวลา ที่ได้รับเชื้อมา
  4. การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ HIV จะตรวจโปรตีนของเชื้อที่ชื่อว่า p24 (HIV p24 antigen testing) เป็นการตรวจการติดเชื้อในระยะแรกที่ผู้ได้รับเชื้อยังไม่สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวี (Anti-HIV) หรือมีระดับแอนติบอดีที่ต่ำจนไม่สามารถตรวจวัดได้ โดยสามารถตรวจได้ภายหลังการติดเชื้อประมาณ 14-15 วัน 

ใคร? ควรตรวจ HIV

  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยงโดยไม่ได้ป้องกัน
  • หญิงตั้งครรภ์ที่เข้ามาฝากครรภ์ที่สถานพยาบาล
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายทางทวารหนักโดยไม่ได้ป้องกัน
  • ผู้ติดสารเสพติดที่ใช้เข็มร่วมกัน
  • ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อเอชไอวี
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่เกิดอุบัติเหตุจากการทำหัตถการที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
  • ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

การแปลผลการ ตรวจ HIV

  • ผลเลือดเป็นลบ หรือ non-reactiveไม่มีเชื้อ หรืออาจยังไม่พบเชื้อ เนื่องจากอยู่ในระยะฟักตัว  ซึ่งหากมีการติดเชื้อ จะสามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ จึงควรมาตรวจซ้ำอีกครั้งในระยะ 3-6 เดือน หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ผลเลือดเป็นบวก หรือ reactive เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง และส่งต่อเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา และรับยาต่อไป
  • ผลเลือดเป็น Invalid คือผู้ที่มีผล HIVเป็นบวกแต่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ไม่สามารถแพร่เชื้อ HIVสู่ผู้อื่นได้ แต่ต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงสถานะตรวจสอบไม่พบเชื้อเอชไอวีนี้เอาไว้