มดลูกอักเสบ เกิดจาก

  1. ​การมีเพศสัมพันธ์
    1. ​มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 25 ปี
    2. ​มีคู่นอนหลายคน
    3. ​มีคู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในเวลาเดียวกัน
  2. ​มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่สวม Condom เป็นต้น
  3. ​การระคายเคืองจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
  4. ​ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศและแบคทีเรียในช่องคลอด

หากไม่รักษาและปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ทำให้เกิดอาการ

  • ​ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • ​ฝีในท่อรังไข่
  • ​ภาวะมีบุตรยาก
  • ​ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

ลักษณะอาการ

จะมีตั้งแต่ เล็กน้อย ไปจนถึง รุนแรง

  • ​วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกอ่อนเพลีย
  • ​ท้องอืดแน่น หรือท้องเสีย
  • ​มีไข้สูง หนาวสั่น
  • ​ปัสสาวะแสบขัด
  • ​เวลาเบ่งปัสสาวะหรืออุจจาระจะรู้สึกปวด
  • ​ปวดบริเวณเชิงกราน บางรายปวดร้าวไปถึงหลัง
  • ​เลือดออกระหว่างและหลังมีเพศสัมพันธ์
  • ​ตกขาวมีกลิ่น มีลักษณะ ตกขาวมีสีเหลือง หรือสีเขียว หรือมีเลือดปน
  • ​ที่รุนแรงที่สุดคือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงเวลาที่ไม่ได้มีประจำเดือน

การรักษา

  1. ​ตรวจวิเคราะห์ หาสาเหตุที่แท้จริงก่อน
  2. ​ให้ยารักษาตามอาการ
  3. ​บางรายที่มีอาการรุนแรง ซีด ต้องAdmit เพื่อให้เลือดและดูเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดต่อ

การป้องกัน มดลูกอักเสบ

  1. ​หากเกิดจาก การใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแล้วระคายเคือง ให้เปลี่ยนไปใช้ผ้าอนามัยแบบอื่น
  2. ​ในการมีเพศสัมพันธ์ ให้สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  3. ​ไม่ควรล้างสวนช่องคลอด เพราะ อาจทำให้เกิดการอักเสบ และจะมีผลกระทบต่อแบคทีเรียตัวดี ในช่องคลอดได้
  4. ​ถ้าเข้าเกณฑ์เสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจภายในและรับการรักษา อาการติดเชื้อในระยะแรก ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะมดลูกอักเสบ