“อาการไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ B” นั้น อาจมีความสับสนเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีสายพันธุ์ “B” ของไข้หวัดใหญ่ (Influenza) อยู่จริงๆ สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ที่นิยมพูดถึงจริงๆ คือ A และ B โดยตัวอักษร A และ B นี้เป็นเพียงการจำแนกสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ตามโปรตีนบนผิวของไวรัส สายพันธุ์ A และ B ของไข้หวัดใหญ่สามารถเป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดในมนุษย์ โดยอาการที่พบกันบ่อยคือ
- ไข้ มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น อาจมากกว่า 38°C บางครั้งอาจมากกว่า 39°C
- คัดจมูก ซึ่งอาจมีน้ำมูกไหลและคัดจมูกติดต่อกัน
- เจ็บคอ อาจมีอาการเจ็บคอและเจ็บคอในการกลืน
- น้ำตาไหล อาจมีอาการน้ำตาไหลหรือตาแดง
- อาการอื่นๆ อาจมีอาการเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ไอ หรือไข้หวัดร่วมกับภูมิคุ้มกันลดลง สำหรับการรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการของไข้หวัดใหญ่ ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค หากมีอาการที่รุนแรงหรือคุณไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การปฏิบัติตัวเพื่อลดโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาดมืออย่างบ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าตา จมูก และปากโดยใช้มือ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่มีอาการป่วย และหากมีอาการไข้หวัดใหญ่ต้องหยุดงานหยุดเรียนและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากมีอาการของไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่น่าเชื่อถือ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม อย่างเช่น หากเกิดภาวะปอดอักเสบ หายใจลำบาก หรืออาการแสดงอื่นๆ ที่ไม่ปกติ ความระมัดระวังและการดูแลสุขภาพในช่วงเวลาที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในสายพันธุ์ที่รู้จักหรือในสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ให้เราต้องมีความตระหนักในการป้องกัน และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจและมีสุขภาพที่แข็งแรง