เครื่องอัดแรงดันอากาศแรงดันบวก ( CPAP : Continuous Positive Airway Pressure ) เป็นเครื่องที่ใช้ในการรักษาผู้ที่นอนกรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA : Obstructive Sleep Apnea ) หลักการในการทำงานคือ การใช้แรงดันอากาศในการช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น เพื่อช่วยให้ออกซิเจนในอากาศ ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่ายกายได้อย่างเพียงพอ

 

เครื่อง CPAP เหมาะสมกับใคร?

กรณีตรวจพบว่ามีอาการนอนกรนแบบอันตราย (จากการตรวจคุณภาพการนอน : Sleep Test ) คือ มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ และมีค่าดัชนีการหยุดหายใจขณะหลับ (AHI : Apnea Hypopnea Index  ) > 5 ครั้งต่อชั่วโมง แพทย์จะแนะนำให้ใช้เครื่อง CPAP เพื่อการรักษา

 

สาเหตุสำคัญของการนอนกรนคือ การที่ทางเดินหายใจตีบแคบลงขณะนอนหลับ จากปัจจัยต่างๆ เช่น กล้านเนื้อโคนลิ้นหย่อนตัว คอสั้น เนื้อเยื่อและไขมันบริเวณคอหนา เกิดลมผ่านช่องทางแคบจึงเกิดการสั่นกระพือของกล้ามเนื้อและเกิดเสียงกรนดังขึ้น กรณีที่รุนแรง อาจจะหย่อนตัวจนกระทั่งทางเดินหายใจปิดสนิท และเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้

เครื่อง CPAP จะช่วยถ่างขยายช่องทางเดินหายใจ ให้กว้างออก ซึ่งเป็นการแก้ไขที่สาเหตุโดยตรงของการนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างตรงจุด

 

อุปกรณ์สำหรับเครื่อง CPAP   

  1. เครื่องอัดแรงดันอากาศแรงดันบวก (CPAP Device)
  2. หน้ากาก (CPAP Mask)
  3. สายรัดศีรษะ (Headgear)
  4. ท่อนำอากาศ
  5. อุปกรณ์เสริมอื่นๆ
  • เครื่องช่วยหายใจ CPAP แรงดันคงที่ (Manual CPAP / Fixed CPAP)  เหมาะสำหรับ  ผู้ที่ต้องการใช้แรงดันไม่มากนัก เช่น ≤ 8 cmH2O
  • เครื่องช่วยหายใจ CPAP แบบปรับแรงดันอัตโนมัติ (Auto CPAP) )  เหมาะสำหรับ  ผู้ที่ต้องการใช้แรงดัน ≥ 9 cmH2O ไม่เกิน 20 cmH2O
  • เครื่องช่วยหายใจ แบบแรงดัน 2 ระดับ (Bilevel PAP หรือ BiPAPเหมาะสำหรับ  ผู้ที่ต้องการใช้แรงดัน ≥ 20 cmH2O ขึ้นไป

ซึ่งหากเลือกประเภท รุ่น ไม่เหมาะสม เวลาหายใจออกจะอึดอัดมาก เพราะต้องหายใจสวนทางกับแรงลมที่เครื่องพ่นออกมา จะทำให้รู้สึกไม่สบาย

  • เครื่อง Auto CPAP จะเป็นเครื่องที่สามารถ ปรับแรงดันลมอัตโนมัติตลอดทั้งคืน ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยการตั้งค่าตามช่วงแรงดันไว้ เช่น 6-12 cmH2O เป็นต้น แต่ข้อจำกัดคือ ราคาจะสูงกว่ารุ่น Manual CPAP และในกรณีที่มีปัญหารุนแรงต้องใช้แรงดันสูงๆ เช่น ≥ 20 cmH2O ขึ้นไป

ซึ่งเราจะทราบว่า แรงดันที่เหมาะสมกับเรา คือระดับเท่าไหร่ ด้วยการตรวจ sleep test ก่อน เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนเลือกรุ่น ของเครี่อง CPAP ต่างๆ และอยู่ภายใต้คำแนะนำการใช้งานโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

 

หน้ากาก (CPAP Masks)

แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • Nasal Mask เป็นหน้ากากที่นิยมใช้กันมากที่สุด ใช้งานง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาลมรั่ว เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มต้น ใช้งานเครื่อง CPAP เป็นครั้งแรก
  • Pillow Mask หน้ากากแบบสอดจมูก (Pillow mask)

หน้ากากจะแปะอยู่ปลายจมูก เมื่อใช้จะรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด ข้อเสียคือเกิดลมรั่วได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ใช้แรงดันลมไม่สูง ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน CPAP

  • Full Face Mask หน้ากากแบบครอบจมูกและปาก เหมาะสำหรับคนที่นอนอ้าปาก แก้ปัญหาลมรั่วออกทางปาก ข้อเสียก็มักจะมีอาการคอแห้ง หรือลมเข้าท้อง ทำให้ท้องอืด

 

ผลลัพธ์ที่ดี จากการใช้งานเครื่อง CPAP

  1. ขจัดอาการนอนกรน และนอนหลับได้ดีขึ้นพร้อมกับได้รับอากาศอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น
  2. ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ง่วงนอนตอนกลางวัน ไม่หลับในตอนขับรถ สมาธิดีขึ้น ความทรงจำดีขี้น อย่างที่ท่านรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนถนน
  3. ลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ความจำเสื่อม โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคซึมเศร้า เป็นต้น

 

ต้องการปรึกษาแพทย์ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการตรวจ Sleep Test หรือ เครื่อง CPAP ได้ที่

คุณปรียาลักษณ์
หัวหน้าแผนกผู้ป่วยนอกอายุรกรรม
โทร. 096-932-5936