โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) ไม่ได้เกิดจากความอ่อนไหวหรืออารมณ์แปรปรวนเพียงชั่วครู่ หากแต่เป็นผลลัพธ์ของความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin), โดปามีน (Dopamine) และ นอร์เอพิเนฟรีน (Norepinephrine) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกกระตือรือร้น และความสามารถในการรับมือกับความเครียด

เมื่อสมดุลเหล่านี้เสียไป ความเศร้าที่เคยมาเยือนเพียงชั่วคราว ก็เริ่มฝังรากลึก กลายเป็นภาวะที่ค่อยๆ ขโมยพลังชีวิตไปโดยที่เราแทบไม่รู้ตัว

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เป็นโรคซึมเศร้า

ลองสำรวจตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ หากมีอาการ ต่อเนื่องทุกวันเกือบทั้งวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้า

  1. รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือว่างเปล่าเกือบตลอดเวลา
  2. เบื่อ ไม่อยากทำอะไร แม้แต่สิ่งที่เคยชอบ
  3. น้ำหนักลดหรือเพิ่มอย่างผิดปกติ เบื่ออาหารหรือกินมากกว่าปกติ
  4. นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
  5. รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่ลุกจากเตียง
  6. รู้สึกตัวเองไร้ค่า โทษตัวเองอยู่เสมอ
  7. ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย หรือทำอะไรช้าลง
  8. มีความคิดเกี่ยวกับความตาย หรืออยากหายไป

อาการแบบไหน ควรไปพบจิตแพทย์

  • มีอาการข้างต้น มากกว่า 5 ข้อ ต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์
  • อาการส่งผลต่อ การทำงาน การเรียน หรือความสัมพันธ์
  • รู้สึก หมดหวังต่อชีวิต หรือมีความคิดอยากตาย
  • นอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน หรือรู้สึกไม่อยากใช้ชีวิต
  • คนรอบข้างสังเกตว่า “เปลี่ยนไป” อย่างเห็นได้ชัด เช่น เงียบลง หายไปจากสังคม

ทำไมควรพบแพทย์

โรคซึมเศร้าเป็น “โรคที่รักษาได้” หากได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งการใช้ยา การทำจิตบำบัด และการปรับพฤติกรรม คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับมันคนเดียว