โรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์ ต่างกันอย่างไร

โรคเพมฟิกัส และ โรคเพมฟิกอยด์ เป็นกลุ่มอาการของโรคตุ่มน้ำพอง หนึ่งในโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ลักษณะเด่นของโรคตุ่มน้ำพอง คือการเกิดตุ่มน้ำบริเวณผิวหนัง เป็นผลทำให้ผิวหนังเกิดการแยกตัวสามารถพบได้ทั้งชายและหญิง โรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์แม้จะมีลักษณะอาการที่คล้ายกัน โดยมีตุ่มน้ำขึ้นบริเวณผิวหนังแต่ตุ่มน้ำใสของโรคเพมฟีกอยด์จะมีลักษณะที่แตกได้ยากกว่า ทั้งสองโรคนี้สามารถแยกกันได้จากอาการและการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติม

สาเหตุของโรคเพมฟิกัส

โรคเพมฟิกัสเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลักษณะเด่นของโรคเพมฟิกัสคือการเกิดตุ่มน้ำพองขึ้นบริเวณผิวหนังหรือเยื่อบุผิว สามารถแตกออกได้ง่าย โรคเพมฟิกัสที่มีการแยกตัวของผิวหนังชั้นลึก ผู้ป่วยมักมีตุ่มน้ำพองเกิดขึ้นในปาก ตุ่มน้ำพองแตกออกได้ง่ายและสามารถลุกลามไปบริเวณอื่นๆตามร่างกายได้อีกด้วย เมื่อตุ่มน้ำพองแตกออกจะทำให้กลายเป็นแผลสร้างความเจ็บปวดและนำไปสู่การติดเชื้อบริเวณแผลได้ ส่วนโรคเพมฟิกัสที่มีการแยกตัวของผิวหนังชั้นตื้น มักเกิดตุ่มน้ำพองบริเวณใบหน้า หนังศรีษะ หลัง ไหล่ หรือหน้าอก ผู้ป่วยจะรู้สึกคันบริเวณที่เกิดตุ่มน้ำพอง เมื่อแผลหายมักทิ้งรอบดำโดยไม่เป็นแผลเป็น โรคเพมฟิกัสมีอุบัติการณ์การเกิดโรคประมาณ 1 คนต่อประชากร 100,000 คน

สาเหตุของโรคเพมฟิกอยด์

โรคเพมฟิกอยด์เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้โครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนังแยกออกจากกัน เกิดเป็นตุ่มน้ำพองขึ้นตามผิวหนังและมีแผลถลอกทั่วร่างกาย ตุ่มน้ำพองที่เกิดจากโรคเพมฟิกอยด์มักพบบริเวณรอยพับ ขา ขาหนีบ แขน ท้องด้านล่าง  เริ่มต้นด้วยอาการคัน ผิวแดง และเกิดตุ่มน้ำพองตามมา ลักษณะเด่นของโรคเพมฟิกอยด์คือตุ่มน้ำพองจะแตกได้ยากกว่าโรคเพมฟิกัส และมักไม่เจ็บ ผิวหนังบริเวณโดยรอบที่เกิดตุ่มน้ำจะบวมแดงหรือมีสีที่คล้ำกว่าปกติ และผู้ป่วยมักจะมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โรคเพมฟิกอยด์พบได้บ่อยกว่าโรคเพมฟิกัส มีอุบัติการณ์ประมาณ 3 คน ต่อประชากร 100,000 คน

ลักษณะเด่นของโรคเพมฟิกอยด์ที่ต่างจากโรคเพมฟิกัส

  1. ตุ่มน้ำพองของโรคเพมฟิกอยด์จะเต่งตึงและแตกได้ยากกว่าโรคเพมฟิกัส เนื่องจากกการแยกตัวของผิวอยู่ในตำแหน่งที่ลึกกกว่าโรคเพมฟิกัส
  2. โรคเพมฟิกอยด์มักจะเกิดตุ่มน้ำพองได้มากในตำแหน่งของท้องส่วนล่าง และแขนขาด้านใน บริเวณข้อพับและส่วนน้อยจะพบแผลในปาก
  3. โรคเพมฟิกอยด์จะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป
  4. โรคเพมฟิกอยด์จะใช้ยากดภูมิในขนาดที่น้อยกว่า และตอบสนองได้ดีกว่าเพมฟิกัส

วิธีการตรวจแยกโรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์

  • การทดสอบเบื้องต้นบริเวณผิวหนัง โดยวิธีการใช้มือหรือสำลี ถูไปบริเวณผิวหนังที่ไม่มีการเกิดตุ่มน้ำพอง ถ้าเป็นโรคเพมฟิกัส ผิวหนังบริเวณที่ถูจะหลุดออกได้ง่าย
  • การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ แพทย์จะตรวจสอบโดยการตักชิ้นเนื้อบริเวณที่เกิดตุ่มน้ำพองไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อแยกโรคเพมฟิกัสและเพมฟิกอยด์
  • การตรวจวัดแอนติบอดีในเลือด โดยวิธีการตรวจเลือด
  • ผู้ที่มีอาการของโรคเพมฟิกัส สามารถตรวจส่องกล้องภายในลำคอ เพื่อหารอยอาการของโรคเพมฟิกัสชั้นลึกผู้ป่วยมักมีตุ่มน้ำเกิดขึ้นในปากหรือลำคอ ในส่วนที่อ่อนนุ่มและตุ่มน้ำพองแตกได้ง่าย

ทั้งนี้ โรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เกิดการสร้างแอนติบอดีมาทำลายการยึดเกาะของเซลล์ผิวหนัง ไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถรักษาได้ ผู้ป่วยควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง