เริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex Virus (HSV) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ HSV-1 และ HSV-2 โดย HSV-2 เป็นสาเหตุหลักของเริมที่อวัยวะเพศ แต่ในบางกรณี HSV-1 ก็สามารถทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศได้เช่นกัน

อาการของเริมที่อวัยวะเพศ

1. ระยะเริ่มต้น (Primary Infection)

  • มีอาการคัน แสบ หรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศก่อนตุ่มน้ำจะปรากฏ
  • มีตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ ซึ่งจะแตกออกเป็นแผลตื้น ๆ และเกิดสะเก็ด
  • ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่เป็นแผล โดยเฉพาะเวลาปัสสาวะ
  • อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว และต่อมน้ำเหลืองโต
  • อาการมักจะรุนแรงกว่าการติดเชื้อซ้ำในอนาคต

2. ระยะติดเชื้อซ้ำ (Recurrent Infection)

  • มักมีอาการน้อยกว่าครั้งแรก
  • อาจมีเพียงตุ่มน้ำเล็ก ๆ หรือแผลที่หายได้เองภายใน 7-10 วัน
  • มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือมีการกระตุ้น เช่น การมีประจำเดือน หรือเจ็บป่วย

สาเหตุของโรคเริมที่อวัยวะเพศ

  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก
  • การสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส เช่น น้ำลาย น้ำอสุจิ หรือสารคัดหลั่งในช่องคลอด
  • การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก)

เริมที่อวัยวะเพศติดต่อง่ายไหม?

  • ติดต่อได้ง่ายมาก ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและเพศสัมพันธ์ แม้ไม่มีแผลหรือตุ่มน้ำ ผู้ติดเชื้อก็สามารถแพร่เชื้อได้
  • ใช้ถุงยางอนามัยสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เนื่องจากไวรัสสามารถอยู่บริเวณผิวหนังที่ถุงยางไม่ครอบคลุม

เริมที่อวัยวะเพศหายเองได้หรือไม่?

  • หากเป็นครั้งแรก อาการอาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ในการหายไปเอง
  • เมื่อหายแล้ว เชื้อยังคงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต และอาจกลับมาแสดงอาการอีกเมื่อร่างกายอ่อนแอ
  • ผู้ที่ติดเชื้อเริมแล้วจะไม่สามารถกำจัดไวรัสออกจากร่างกายได้ 100%

การรักษาเริมที่อวัยวะเพศ

1. ยาต้านไวรัส (Antiviral Medications)

  • ยา Acyclovir, Valacyclovir หรือ Famciclovir ช่วยลดระยะเวลาของอาการ และลดความถี่ของการเกิดซ้ำ
  • ควรเริ่มยาเร็วที่สุดเมื่อมีอาการ เช่น คัน หรือแสบ ก่อนตุ่มน้ำจะเกิดขึ้น

2. การดูแลแผล

  • รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นแผล หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายสนิท
  • ใช้ยาแก้ปวด หรือประคบเย็นเพื่อลดอาการปวด

3. การรักษาแบบป้องกัน (Suppressive Therapy)

  • สำหรับผู้ที่มีการกลับมาเป็นซ้ำบ่อย แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัสเป็นประจำเพื่อลดความถี่ของการเกิดซ้ำ

การป้องกันเริมที่อวัยวะเพศ

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีอาการของเริม หรือผู้ที่เคยมีเริมมาก่อน
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้
  • งดมีเพศสัมพันธ์ขณะมีอาการ เนื่องจากเป็นช่วงที่เชื้อแพร่กระจายมากที่สุด
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือกางเกงชั้นใน
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดโอกาสที่โรคจะกำเริบ

แม้ว่าเริมที่อวัยวะเพศจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการและลดโอกาสแพร่เชื้อได้หากดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์