แมมโมแกรม (Mammogram) เป็นการตรวจเต้านมด้วยรังสีเอกซเรย์พิเศษที่สามารถตรวจหาก้อนเนื้อผิดปกติ หรือแคลเซียมสะสมที่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรก ๆ แม้จะยังไม่มีอาการ
ความน่าเชื่อถือของแมมโมแกรม
- มีความแม่นยำสูง โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากเนื้อเยื่อเต้านมมีความหนาแน่นน้อยลง
- ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น
- อาจมีผลลบลวง (False Negative) หรือผลบวกลวง (False Positive) ในบางกรณี โดยเฉพาะในผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมหนา
ใครควรตรวจแมมโมแกรม?
- ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจเป็นประจำ
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือมีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติของเต้านม เช่น มีก้อนแข็ง ผิวหนังบุ๋ม มีของเหลวไหลจากหัวนม
การเตรียมตัวก่อนตรวจแมมโมแกรม
- หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น แป้ง หรือโรลออนบริเวณรักแร้และเต้านม เนื่องจากอาจรบกวนภาพเอกซเรย์
- ใส่เสื้อผ้าที่สามารถถอดออกจากท่อนบนได้ง่าย
- ควรตรวจหลังมีประจำเดือน 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการเจ็บจากการกดเต้านม
- แจ้งแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์ หรือมีประวัติการทำศัลยกรรมเต้านม
ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?
- อายุ 40-49 ปี แนะนำให้ตรวจทุก 1-2 ปี
- อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกปี
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรตรวจตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งอาจรวมถึง MRI เต้านมร่วมด้วย
ความปลอดภัยของรังสีจากแมมโมแกรม
- ปริมาณรังสีที่ใช้ต่ำมาก (0.4 mSv ต่อการตรวจ 1 ครั้ง) ซึ่งถือว่าปลอดภัยและอยู่ในระดับที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง
- ประโยชน์ของการตรวจพบมะเร็งระยะแรกมีมากกว่าความเสี่ยงจากรังสี
- หากตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรแจ้งแพทย์ก่อนตรวจ
โดยรวมแล้ว แมมโมแกรมเป็นการตรวจที่มีประโยชน์มากในการคัดกรองมะเร็งเต้านม สามารถช่วยชีวิตได้หากพบมะเร็งตั้งแต่ระยะแรก ดังนั้น ผู้หญิงที่มีอายุตามเกณฑ์หรือมีปัจจัยเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ