ลดความอ้วนด้วยบอลลูน หรือ การลดน้ำหนักด้วยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
การลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย ด้วยการใส่บอลลูน (Gastric balloon) เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องกินยาเคยไหม? ที่คุณเคยลดน้ำหนักหลากหลายวิธีโดยไม่ได้ผล ทั้งอดอาหาร กินยาลดความอ้วน ออกกำลังกาย แต่ก็ไม่สามารถลดน้ำหนัก หรือเกิดโยโย่กลับมาอ้วนอีก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณขาดความมั่นใจ มีผลกระทบต่องาน หรือชีวิตประจำวันของคุณ การลดความอ้วนด้วยบอลลูนจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีรูปร่างอ้วน อยากลดน้ำหนักโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดและได้ผลจริง
สารบัญ
- ลดน้ำหนักด้วยบอลลูนช่วยได้อย่างไร
- บอลลูนลดน้ำหนัก เหมาะสมกับใคร
- ข้อดีข้อเสียของการลดน้ำหนัก ด้วยบอลลูน
- ผลลัพธ์ที่ได้จาก การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
- การเตรียมตัว ลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
- การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- อาการที่พบหลังใส่ บอลลูนลดน้ำหนัก
- ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ข้อห้ามในการใช้บอลลูนลดน้ำหนัก
- การดูแลร่างกาย ระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
- วิธีการดูแลน้ำหนักให้คงที่ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก
- แพ็กเกจและราคา บริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน
การลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย บอลลูนช่วยได้อย่างไร
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารจะลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง รู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการหิวจะหลั่งลดลง ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง แต่หากมีน้ำหนักที่ลดลงตามความต้องการแล้ว ก็สามารถนำบอลลูนออกได้บอลลูนลดน้ำหนัก เหมาะสมกับใคร
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องทานยาลดน้ำหนัก
- ผู้ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินค่า BMI เกิน 30
ข้อดีของการลดน้ำหนัก ด้วยบอลลูน
- สามารถลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย
- ไม่มีผลข้างเคียง ไม่โยโย่
- เป็นวิธีการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่เกิดแผล และไม่เจ็บ
- ลดภาวะเสี่ยงจากโรคเรื้อรังที่เกิดจากความอ้วน ทั้งความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ข้อเข่าเสื่อม และอื่นๆ
ข้อเสียที่เกิดขึ้นโดยอาจเกิดแผล และภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งพบได้น้อยมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่ใส่บอลลูนจึงต้องรับประทานยาป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารควบคู่ไปตลอดระยะเวลาที่ใส่บอลลูน
ผลลัพธ์ที่ได้จาก การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน หรืออาจจะอิ่มตลอดเวลา ทำให้ทานได้น้อย สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 15-20 กิโลกรัม ในเวลา 1 ปีการเตรียมตัว ลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
- รับประทานยารักษาแผลในกระเพาะอาหารก่อนอาหารเช้าและเย็นเป็นเวลา 14 วัน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- ตรวจสุขภาพ (ตรวจเลือด เอกซเรย์ทรวงอก คลื่นไฟฟ้าหัวใจ)
- ส่องตรวจดูกระเพาะอาหารเพื่อดูความพร้อมของกระเพาะอาหาร ในวันที่มาใส่บอลลูน หากพบว่ามีบาดแผลหรือเนื้องอก ต้องเลื่อนการใส่ไปก่อน
- ต้องงดรับประทานอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง งดน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนทำการใส่บอลลูน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
ทั้งนี้ วิธีการลดน้ำหนักคนอ้วนด้วยการใส่บอลลูนนี้จะเหมือนส่องกล้องกระเพาะอาหารทั่วไป หลังจากนั้นจะใส่น้ำที่ผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมธิลีนบลูเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี แล้วจึงนำกล้องออก โดยบอลลูนสามารถปรับขนาดเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการในภายหลัง บอลลูนที่ใส่ในกระเพาะนั้นสามารถใส่ได้นานสูงสุด 1 ปี แต่หากพอใจในน้ำหนักที่ลดลงก็สามารถเอาบอลลูนออกก่อน 1 ปี โดยปล่อยน้ำในลูกบอลลูนออก และส่องกล้องเพื่อนำลูกบอลลูนออกจากร่างกายขั้นตอนการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
- มาโรงพยาบาลตามวันนัดหมาย
- ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย
- วิสัญญีแพทย์ให้ยาสลบ
- ใช้เทคนิคการส่องกล้องในกระเพาะอาหารเพื่อนำบอลลูนใส่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ใส่น้ำที่ผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมธิลีนบลูเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี
- ปรับหรือเพิ่มลดขนาดของบอลลูนตามความเหมาะสมของกระเพาะอาหาร
หลังจากใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ผู้ที่ใส่บอลลูนต้องพักฟื้นด้วยห้องพักเดี่ยว 2 วัน ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อสังเกตอาการและติดตามผลการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพให้เข้ากับบอลลูนในกระเพาะได้เพื่อใช้ชีวิตได้ตามปกติ ลำดับต่อไปจะเป็นการติดตามผลเดือนที่ 1 เดือนที่ 6 และเดือนที่ 12 ตามแพทย์นัด ตลอดจนการนำบอลลูนออกเมื่อครบกำหนด
อาการที่พบหลังใส่ บอลลูนลดน้ำหนัก
เมื่อใส่บอลลูนลดน้ำหนักร่างกายจะทำการปรับตัวทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น- คลื่นใส้ อาเจียน
- ท้องอืด แน่นท้อง
ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายเองได้ภายใน 3–7 วัน
ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
สำหรับปัญหาภาวะแทรกซ้อนจากการใส่บอลลูนสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั้นโดยรวมพบเพียง 0.27% เมื่อเทียบกับการผ่าตัดกระเพาะอาหารลดความอ้วน ที่มีภาวะแทรกซ้อนมากถึง 7-9% ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนส่วนใหญ่จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้องช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่บอลลูนข้อห้ามในการใช้บอลลูนลดน้ำหนัก
- สตรีมีครรภ์ หากมีการตั้งครรภ์ในระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก ผู้รับบริการจะต้องให้แพ้นำบอลลูนออกทันที
- ผู้ที่แพ้ยางซิลิโคน
- ผู้ที่มีความผิดปกติของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนรุนแรง หรือเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร
- ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวรุนแรงอย่างโรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น
ถึงแม้ว่าการลดน้ำหนักด้วยบอลลูน ปลอดภัย ได้ผลจริง แต่ควรทำในโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางและเชี่ยวชาญ พร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์ในการใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร
การลดความอ้วนด้วยบอลลลูนสามารถ “ลดน้ำหนักได้จริง ปลอดภัย” ถึงแม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มีความคุ้มค่าเพราะสามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
การดูแลร่างกาย ระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
เนื่องจากการใส่บอลลูนลดน้ำหนักเป็นการลดน้ำหนักโดยการใส่วัสดุลงไปในกระเพาะอาหาร ดังนั้นเราจึงต้องคำนึงถึงการรับประทานอาหารเพื่อส่งต่อไปยังกระเพาะอาหารเป็นหลักสำคัญ ในช่วงแรกของการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก จึงต้องได้รับการดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษซึ่งมีข้อปฏิบัติในการดูแลร่างกาย ดังต่อไปนี้
ในช่วง 1-2 วันแรกของการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก เป็นช่วงที่กระเพาะกำลังปรับสภาพเพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับบอลลูน สิ่งสำคัญอันดับแรกในการรับประทานคือสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และควรเป็นของเหลวที่ย่อยง่ายเพื่อให้ร่างกายปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น ซุป นม น้ำผักสกัด กาแฟ เป็นต้น
- หลังจากใส่บอลลูนลดน้ำหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรรับประทานอาหาร ที่ย่อยได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ไข่ตุ๋น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น
- เมื่อร่างกายคุ้นชินกับการรับอาหาร ในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับพื้นที่ในกระเพาะที่ลดลงแล้วควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการและควรมีโปรตีนในทุกมื้ออาหาร เพื่อให้ร่างกายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในระยะยาว
- ควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ ลดปัญหาท้องผูก
- หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันสูง หรือน้ำตาลสูง อย่างเช่น ขนมหวานและเบเกอรี่ เครื่องดื่มที่มีรสหวาน เป็นต้น
- ระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีส่วนแหลมคม เช่น ปลาที่มีก้าง
- ในช่วงแรกควรออกกำลังกายเบาๆ ไม่ควรออกกำลังกายเน้นการกระแทกร่างกาย เช่นการแกว่งแขน หรือการเดินช้า ๆ ลักษณะคล้ายการเดินเล่น สามารถออกได้ในช่วงเดือนแรก
- 1 เดือนขึ้นไป สามารถทานอาหารได้ตามปกติ แต่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
วิธีการดูแลน้ำหนักให้คงที่ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก
ข้อปฏิบัติ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก
เมื่อการใส่บอลลูนลดน้ำหนักสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ยถึง 24 กิโลกรัม ต่อ 1 ปี ขึ้นอยู่กับวินัยและการรับประทานอาหารของผู้ใส่บอลลูน เมื่อครบกำหนดหรือถึงน้ำหนักที่พอใจผู้รับบริการสามารถถอดบอลลูนออกได้ตามต้องการ ซึ่งการถอดบอลลูนหลายคนอาจจะกลัวน้ำหนักที่จะเพิ่มขึ้นได้อีกหรือกลับมาอ้วนใหม่ในที่สุด ดังนั้นข้อปฏิบัติหลังถอดบอลลูนลดน้ำหนักจึงสำคัญ โดยมีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ควบคุมการรับประทานอาหาร เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ผู้รับบริการ การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน ควรรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมือนกับตอนที่มีบอลลูนอยู่ในกระเพาะ เมื่อถอดบอลลูนออกกระเพาะอาหารจะมีขนาดเท่าตอนที่ใส่บอลลูนอยู่ไม่สามารถขยายเพิ่มได้ ถ้ารับประทานอาหารเท่าเดิมจะช่วยให้รักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้น้ำหนักคงที่อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้วยังช่วยเรื่องการผ่อนคลายความเครียดส่งผลที่ดีต่อสุขภาพจิตใจอีกด้วย
- ผ่อนคลายความเครียด ไม่ให้เกิดความรู้สึกกดดัน หรือเครียดจนเกินไป หลากหลายวิธีง่ายๆ ที่สามารถผ่อนคลายความเครียดได้ดี คือ การออกกำลังกาย ดูหนังที่ชอบ ฟังเพลงเพราะๆ ทำงานอดิเรกที่เราสนใจ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารประเภทที่ใช้น้ำมันเป็นจำนวนมากในการประกอบอาหาร เช่น ของทอด อาหารติดมัน อาหารผัดโดยใช้น้ำมัน
- การรับประทานของหวาน การรับประทานไอศกรีม เค้ก หรือแม้แต่ ชานมไข่มุก ก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลทรายสูง
- การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารนอกมื้อสำคัญ จะทำให้วินัยการกินผิดไปและระบบการเผาผลาญของร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด เกิดเป็นการสะสมเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย
- มีความเครียดสะสม ควรหลีกเลี่ยงความเครียดสะสมเพราะภาวะความเครียด จะทำให้เกิดฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ไปกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกาย ทำให้ร่างกายเข้าใจว่า ความเครียด จำเป็นต้องใช้พลังงานเยอะ ส่งผลทำให้ เกิดการกินที่มากขึ้น และทำให้กลับมาอ้วนได้ในที่สุด
แพ็กเกจและราคา บริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน
แพ็กเกจ ลดความอ้วนด้วยบอลลูน Gastric balloon ราคา 149,000 บาท ค่าบริการนี้รวมรายการดังนี้- การพบแพทย์ ให้ข้อมูลการทำหัตถการและให้ยา Lab X-ray เตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
- การส่องกล้องกระเพาะอาหารและใส่บอลลูน
- นอนพักในโรงพยาบาลห้องเดี่ยว 2 คืน
- การนัดติดตามผลเดือนที่ 1 เดือนที่ 6 และ เดือนที่ 12
- การนำบอลลูนออก เมื่อครบกำหนด
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ด้วยการส่องกล้อง
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร Gastric Balloon ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัดราคา 149,000 บาท
จากราคาปกติ 189,000 บาท
* ราคาแพ็กเกจนี้ รวมนำบอลลูนออกแล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สามารถปรึกษาได้ทุกวัน 8:00 – 18:00 น.โทร. 091-770-6640 หรือ 02-115-2111 ต่อ 1189