ลดความอ้วนด้วยบอลลูน หรือ การลดน้ำหนักด้วยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

การลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย ด้วยการใส่บอลลูน (Gastric balloon) เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องกินยา

เคยไหม? ที่คุณเคยลดน้ำหนักหลากหลายวิธีโดยไม่ได้ผล ทั้งอดอาหาร กินยาลดความอ้วน ออกกำลังกาย แต่ก็ไม่สามารถลดน้ำหนัก หรือเกิดโยโย่กลับมาอ้วนอีก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณขาดความมั่นใจ มีผลกระทบต่องาน หรือชีวิตประจำวันของคุณ การลดความอ้วนด้วยบอลลูนจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีรูปร่างอ้วน อยากลดน้ำหนักโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดและได้ผลจริง

ต้องการลดความอ้วนด้วยบอลลูน
บอลลูน Gastric balloon

สารบัญ

  1. ลดน้ำหนักด้วยบอลลูนช่วยได้อย่างไร
  2. บอลลูนลดน้ำหนัก เหมาะสมกับใคร
  3. ข้อดีข้อเสียของการลดน้ำหนัก ด้วยบอลลูน
  4. ผลลัพธ์ที่ได้จาก การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
  5. การเตรียมตัว ลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
  6. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
  7. อาการที่พบหลังใส่ บอลลูนลดน้ำหนัก
  8. ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
  9. ข้อห้ามในการใช้บอลลูนลดน้ำหนัก
  10. การดูแลร่างกาย ระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก
  11. วิธีการดูแลน้ำหนักให้คงที่ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก
  12. แพ็กเกจและราคา บริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน
  13. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
  14. แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน

การลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย บอลลูนช่วยได้อย่างไร

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารจะลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง รู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการหิวจะหลั่งลดลง ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง แต่หากมีน้ำหนักที่ลดลงตามความต้องการแล้ว ก็สามารถนำบอลลูนออกได้

บอลลูนลดน้ำหนัก เหมาะสมกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องทานยาลดน้ำหนัก
  • ผู้ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
  • ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินค่า BMI เกิน 30

ข้อดีของการลดน้ำหนัก ด้วยบอลลูน

  1. สามารถลดน้ำหนักได้ผลจริง ปลอดภัย
  2. ไม่มีผลข้างเคียง ไม่โยโย่
  3. เป็นวิธีการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่เกิดแผล และไม่เจ็บ
  4. ลดภาวะเสี่ยงจากโรคเรื้อรังที่เกิดจากความอ้วน ทั้งความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ข้อเข่าเสื่อม และอื่นๆ

ข้อเสียที่เกิดขึ้นโดยอาจเกิดแผล และภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งพบได้น้อยมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่ใส่บอลลูนจึงต้องรับประทานยาป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารควบคู่ไปตลอดระยะเวลาที่ใส่บอลลูน

ผลลัพธ์ที่ได้จาก การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน

จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน หรืออาจจะอิ่มตลอดเวลา ทำให้ทานได้น้อย สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 15-20 กิโลกรัม ในเวลา 1 ปี

การเตรียมตัว ลดน้ำหนักด้วยบอลลูน

  1. รับประทานยารักษาแผลในกระเพาะอาหารก่อนอาหารเช้าและเย็นเป็นเวลา 14 วัน
  2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  3. ตรวจสุขภาพ (ตรวจเลือด เอกซเรย์ทรวงอก คลื่นไฟฟ้าหัวใจ)
  4. ส่องตรวจดูกระเพาะอาหารเพื่อดูความพร้อมของกระเพาะอาหาร ในวันที่มาใส่บอลลูน หากพบว่ามีบาดแผลหรือเนื้องอก ต้องเลื่อนการใส่ไปก่อน
  5. ต้องงดรับประทานอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง งดน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนทำการใส่บอลลูน
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ
การเตรียมตัว ลดน้ำหนักด้วยบอลลูน
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

ทั้งนี้ วิธีการลดน้ำหนักคนอ้วนด้วยการใส่บอลลูนนี้จะเหมือนส่องกล้องกระเพาะอาหารทั่วไป หลังจากนั้นจะใส่น้ำที่ผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมธิลีนบลูเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี แล้วจึงนำกล้องออก โดยบอลลูนสามารถปรับขนาดเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการในภายหลัง บอลลูนที่ใส่ในกระเพาะนั้นสามารถใส่ได้นานสูงสุด 1 ปี แต่หากพอใจในน้ำหนักที่ลดลงก็สามารถเอาบอลลูนออกก่อน 1 ปี โดยปล่อยน้ำในลูกบอลลูนออก และส่องกล้องเพื่อนำลูกบอลลูนออกจากร่างกาย

ขั้นตอนการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก

  1. มาโรงพยาบาลตามวันนัดหมาย
  2. ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย
  3. วิสัญญีแพทย์ให้ยาสลบ
  4. ใช้เทคนิคการส่องกล้องในกระเพาะอาหารเพื่อนำบอลลูนใส่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
  5. ใส่น้ำที่ผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมธิลีนบลูเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี
  6. ปรับหรือเพิ่มลดขนาดของบอลลูนตามความเหมาะสมของกระเพาะอาหาร

หลังจากใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ผู้ที่ใส่บอลลูนต้องพักฟื้นด้วยห้องพักเดี่ยว 2 วัน ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อสังเกตอาการและติดตามผลการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพให้เข้ากับบอลลูนในกระเพาะได้เพื่อใช้ชีวิตได้ตามปกติ ลำดับต่อไปจะเป็นการติดตามผลเดือนที่ 1 เดือนที่ 6 และเดือนที่ 12 ตามแพทย์นัด ตลอดจนการนำบอลลูนออกเมื่อครบกำหนด

อาการที่พบหลังใส่ บอลลูนลดน้ำหนัก

เมื่อใส่บอลลูนลดน้ำหนักร่างกายจะทำการปรับตัวทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น

  1. คลื่นใส้ อาเจียน
  2. ท้องอืด แน่นท้อง

ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายเองได้ภายใน 3–7 วัน

ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร

สำหรับปัญหาภาวะแทรกซ้อนจากการใส่บอลลูนสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั้นโดยรวมพบเพียง 0.27% เมื่อเทียบกับการผ่าตัดกระเพาะอาหารลดความอ้วน ที่มีภาวะแทรกซ้อนมากถึง 7-9% ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนส่วนใหญ่จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้องช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่บอลลูน

อุปกรณ์ของบอลลูนลดน้ำหนัก 1
อุปกรณ์ของบอลลูนลดน้ำหนัก 2

ข้อห้ามในการใช้บอลลูนลดน้ำหนัก

  • สตรีมีครรภ์ หากมีการตั้งครรภ์ในระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก ผู้รับบริการจะต้องให้แพ้นำบอลลูนออกทันที
  • ผู้ที่แพ้ยางซิลิโคน
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนรุนแรง หรือเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร
  • ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวรุนแรงอย่างโรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น

ถึงแม้ว่าการลดน้ำหนักด้วยบอลลูน ปลอดภัย ได้ผลจริง แต่ควรทำในโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางและเชี่ยวชาญ พร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์ในการใส่บอลลูน ในกระเพาะอาหาร

การลดความอ้วนด้วยบอลลลูนสามารถ “ลดน้ำหนักได้จริง ปลอดภัย” ถึงแม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มีความคุ้มค่าเพราะสามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

ห้องรับรอง
ห้องผ่าตัด

การดูแลร่างกาย ระหว่างการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก

เนื่องจากการใส่บอลลูนลดน้ำหนักเป็นการลดน้ำหนักโดยการใส่วัสดุลงไปในกระเพาะอาหาร ดังนั้นเราจึงต้องคำนึงถึงการรับประทานอาหารเพื่อส่งต่อไปยังกระเพาะอาหารเป็นหลักสำคัญ ในช่วงแรกของการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก จึงต้องได้รับการดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ

ซึ่งมีข้อปฏิบัติในการดูแลร่างกาย ดังต่อไปนี้

ในช่วง 1-2 วันแรกของการใส่บอลลูนลดน้ำหนัก เป็นช่วงที่กระเพาะกำลังปรับสภาพเพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับบอลลูน สิ่งสำคัญอันดับแรกในการรับประทานคือสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และควรเป็นของเหลวที่ย่อยง่ายเพื่อให้ร่างกายปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น ซุป นม น้ำผักสกัด กาแฟ เป็นต้น

  1. หลังจากใส่บอลลูนลดน้ำหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรรับประทานอาหาร ที่ย่อยได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ไข่ตุ๋น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น
  2. เมื่อร่างกายคุ้นชินกับการรับอาหาร ในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับพื้นที่ในกระเพาะที่ลดลงแล้วควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการและควรมีโปรตีนในทุกมื้ออาหาร เพื่อให้ร่างกายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในระยะยาว
  3. ควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ ลดปัญหาท้องผูก
  4. หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันสูง หรือน้ำตาลสูง อย่างเช่น ขนมหวานและเบเกอรี่ เครื่องดื่มที่มีรสหวาน เป็นต้น
  5. ระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีส่วนแหลมคม เช่น ปลาที่มีก้าง
  6. ในช่วงแรกควรออกกำลังกายเบาๆ ไม่ควรออกกำลังกายเน้นการกระแทกร่างกาย เช่นการแกว่งแขน หรือการเดินช้า ๆ ลักษณะคล้ายการเดินเล่น สามารถออกได้ในช่วงเดือนแรก
  7. 1 เดือนขึ้นไป สามารถทานอาหารได้ตามปกติ แต่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

วิธีการดูแลน้ำหนักให้คงที่ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก

ข้อปฏิบัติ หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก

เมื่อการใส่บอลลูนลดน้ำหนักสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ยถึง 24 กิโลกรัม ต่อ 1 ปี ขึ้นอยู่กับวินัยและการรับประทานอาหารของผู้ใส่บอลลูน เมื่อครบกำหนดหรือถึงน้ำหนักที่พอใจผู้รับบริการสามารถถอดบอลลูนออกได้ตามต้องการ ซึ่งการถอดบอลลูนหลายคนอาจจะกลัวน้ำหนักที่จะเพิ่มขึ้นได้อีกหรือกลับมาอ้วนใหม่ในที่สุด ดังนั้นข้อปฏิบัติหลังถอดบอลลูนลดน้ำหนักจึงสำคัญ โดยมีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • ควบคุมการรับประทานอาหาร เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ผู้รับบริการ การลดน้ำหนักด้วยบอลลูน ควรรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมือนกับตอนที่มีบอลลูนอยู่ในกระเพาะ เมื่อถอดบอลลูนออกกระเพาะอาหารจะมีขนาดเท่าตอนที่ใส่บอลลูนอยู่ไม่สามารถขยายเพิ่มได้ ถ้ารับประทานอาหารเท่าเดิมจะช่วยให้รักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาว
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้น้ำหนักคงที่อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้วยังช่วยเรื่องการผ่อนคลายความเครียดส่งผลที่ดีต่อสุขภาพจิตใจอีกด้วย
  • ผ่อนคลายความเครียด ไม่ให้เกิดความรู้สึกกดดัน หรือเครียดจนเกินไป หลากหลายวิธีง่ายๆ ที่สามารถผ่อนคลายความเครียดได้ดี คือ การออกกำลังกาย ดูหนังที่ชอบ ฟังเพลงเพราะๆ ทำงานอดิเรกที่เราสนใจ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง หลังนำบอลลูนลดน้ำหนักออก

  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารประเภทที่ใช้น้ำมันเป็นจำนวนมากในการประกอบอาหาร เช่น ของทอด อาหารติดมัน อาหารผัดโดยใช้น้ำมัน
  • การรับประทานของหวาน การรับประทานไอศกรีม เค้ก หรือแม้แต่ ชานมไข่มุก ก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลทรายสูง
  • การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารนอกมื้อสำคัญ จะทำให้วินัยการกินผิดไปและระบบการเผาผลาญของร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด เกิดเป็นการสะสมเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย
  • มีความเครียดสะสม ควรหลีกเลี่ยงความเครียดสะสมเพราะภาวะความเครียด จะทำให้เกิดฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ไปกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกาย ทำให้ร่างกายเข้าใจว่า ความเครียด จำเป็นต้องใช้พลังงานเยอะ ส่งผลทำให้ เกิดการกินที่มากขึ้น และทำให้กลับมาอ้วนได้ในที่สุด

แพ็กเกจและราคา บริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน

แพ็กเกจ ลดความอ้วนด้วยบอลลูน Gastric balloon ราคา 149,000 บาท ค่าบริการนี้รวมรายการดังนี้

  1. การพบแพทย์ ให้ข้อมูลการทำหัตถการและให้ยา Lab X-ray เตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
  2. การส่องกล้องกระเพาะอาหารและใส่บอลลูน
  3. นอนพักในโรงพยาบาลห้องเดี่ยว 2 คืน
  4. การนัดติดตามผลเดือนที่ 1 เดือนที่ 6 และ เดือนที่ 12
  5. การนำบอลลูนออก เมื่อครบกำหนด
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ด้วยการส่องกล้อง

ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ด้วยการส่องกล้อง

ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร Gastric Balloon ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด
ราคา 149,000 บาท
จากราคาปกติ 189,000 บาท
* ราคาแพ็กเกจนี้ รวมนำบอลลูนออกแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สามารถปรึกษาได้ทุกวัน 8:00 – 18:00 น.
โทร. 091-770-6640 หรือ 02-115-2111 ต่อ 1189

โทร. 091-770-6640

Facebook ch9airport

Youtube วีดีโอ ลดความอ้วนด้วยบอลลูน

Line @ch9airport

สั่งซื้อ แพ็กเกจ ลดความอ้วนด้วยบอลลูน

แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดความอ้วนด้วยบอลลูน

แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 4
แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 5
แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 6
แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 3
แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 2
แชร์ประสบการณ์ ผู้รับบริการลดน้ำหนักด้วย Gastric Balloon 1