โรคตุ่มน้ำพอง (Pemphigus) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้น้อย เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมาทำลายเซลล์ผิวหนังของตนเอง ส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำพองบนผิวหนังหรือเยื่อบุ เช่น ปาก จมูก และตา
สาเหตุ
- พันธุกรรม: ผู้ที่มีสมาชิกครอบครัวที่เป็นโรคตุ่มน้ำพองมีโอกาสสูงขึ้น
- การใช้ยาบางชนิด: เช่น penicillamine captopril phenobarbital
- การติดเชื้อ: การติดเชื้อไวรัสบางชนิดอาจกระตุ้นการเกิดโรค
อาการ
- ตุ่มน้ำพองที่ผิวหนัง: มักปรากฏบนผิวหนังทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่เสียดสีหรือมีแรงกด
- แผลในช่องปากและเยื่อบุ: ตุ่มน้ำอาจแตกเป็นแผลเปิดที่เจ็บปวดและหายช้า
- แผลที่เจ็บปวดและคัน: บางครั้งอาจมีการติดเชื้อเพิ่มเติม
กลุ่มเสี่ยง
- ผู้สูงอายุ: โรคตุ่มน้ำพองมักพบในผู้ที่มีอายุ 40-60 ปี
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
- ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
การรักษา
- ยากดภูมิคุ้มกัน: เช่น corticosteroids หรือ immunosuppressants เพื่อควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- การรักษาเฉพาะที่: ใช้ครีมหรือยาทาเพื่อลดอาการและป้องกันการติดเชื้อ
- การดูแลแผล: รักษาความสะอาดและป้องกันแผลไม่ให้ติดเชื้อ
การป้องกัน
- รักษาความสะอาดของผิวหนังและเยื่อบุ: ล้างมือและทำความสะอาดพื้นที่ที่มีตุ่มน้ำบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงยาที่กระตุ้นการเกิดโรค: หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่รู้ว่ามีผลต่อการเกิดโรค
- ดูแลสุขภาพทั่วไป: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ และจัดการความเครียด
การรักษาโรคตุ่มน้ำพองต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อควบคุมอาการและป้องกันการเกิดแผลใหม่ ๆ