การดำน้ำเป็นกิจกรรมที่ทั้งท้าทายและน่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำดูปะการังแบบผิวตื้นหรือดำน้ำลึกแบบ Scuba แต่เบื้องหลังความงดงามใต้น้ำ ยังมีภัยเงียบที่นักดำน้ำทุกคนไม่ควรมองข้าม หนึ่งในนั้นคือ “โรคน้ำเหนียบ” หรือที่รู้จักในชื่อทางการแพทย์ว่า Decompression Sickness (DCS) หรือ โรคจากการลดความดัน

โรคน้ำเหนียบเกิดจากอะไร?

โรคน้ำเหนียบไม่ได้เกิดจาก “น้ำเหนียว” อย่างที่บางคนเข้าใจผิด แต่เกิดจากกลไกทางกายภาพที่ซับซ้อนระหว่างร่างกายกับแรงดันใต้น้ำ

เมื่อเราดำน้ำลึก แรงดันที่เพิ่มขึ้นทำให้ก๊าซไนโตรเจนที่หายใจเข้าไปละลายเข้าสู่เนื้อเยื่อในร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งไม่เป็นปัญหาตราบใดที่อยู่ใต้น้ำ

ปัญหาเริ่มต้นเมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป

หากร่างกายมีเวลาไม่พอให้ไนโตรเจนที่ละลายอยู่ค่อยๆ ออกมาในรูปของลมหายใจ มันจะเกิดเป็น “ฟองก๊าซ” ภายในร่างกาย เช่น ในเส้นเลือด กล้ามเนื้อ หรือข้อกระดูก ทำให้เกิดอาการผิดปกติ เรียกว่าภาวะ DCS หรือโรคน้ำเหนียบ

อาการของโรคน้ำเหนียบ

อาการมักแสดงภายใน 1 ชั่วโมงหลังขึ้นจากน้ำ แต่บางกรณีอาจใช้เวลานานถึง 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง

  • แบบเบา: ปวดเมื่อยตามข้อ (โดยเฉพาะข้อไหล่ ข้อศอก หรือหัวเข่า), ผื่นคัน หรือรู้สึกเหนื่อย
  • แบบรุนแรง: ชา อ่อนแรง กล้ามเนื้อไม่ทำงาน รู้สึกเวียนศีรษะ สับสน หรือหมดสติ
  • ในกรณีที่ฟองก๊าซไปอุดหลอดเลือดที่สมองหรือปอด อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดำน้ำลึกแค่ไหนถึงเสี่ยง?

โรคน้ำเหนียบสามารถเกิดได้ตั้งแต่การดำน้ำลึกประมาณ 10 เมตรขึ้นไป โดยเฉพาะหากดำนาน และขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป

  • ความเสี่ยงจะสูงขึ้นเมื่อดำน้ำเกิน 18 เมตร
  • การดำน้ำซ้ำหลายรอบต่อวันโดยไม่มีการพักที่เพียงพอ
  • ดำน้ำในสภาพอากาศเย็น หรือออกแรงมากใต้น้ำก็เพิ่มโอกาสเกิดโรคได้เช่นกัน

วิธีป้องกันโรคน้ำเหนียบ

  1. วางแผนการดำน้ำอย่างรอบคอบ โดยใช้อุปกรณ์ช่วยคำนวณเวลาและความลึก
  2. ไม่ขึ้นจากน้ำเร็วเกินไป ต้องมีการหยุดพักที่ระดับลึกต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในตารางดำน้ำ (Decompression Stop)
  3. หลีกเลี่ยงการดำน้ำซ้ำๆ ติดกัน โดยให้ร่างกายมีเวลาขจัดไนโตรเจนที่สะสม
  4. งดการบินทันทีหลังดำน้ำ ควรรออย่างน้อย 18–24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันฟองก๊าซขยายตัวจากแรงดันในห้องโดยสาร
  5. ฝึกอบรมการดำน้ำอย่างถูกวิธี กับครูผู้สอนที่ผ่านการรับรอง และใช้อุปกรณ์ดำน้ำที่ได้มาตรฐาน
  6. ฟังสัญญาณจากร่างกายตัวเอง หากมีอาการผิดปกติหลังดำน้ำ ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะถ้ามีห้องปรับความดัน (Hyperbaric Chamber) ใกล้บริเวณดำน้ำ

โรคน้ำเหนียบไม่ใช่เรื่องไกลตัว

แม้จะพบไม่บ่อย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจส่งผลร้ายแรงได้อย่างคาดไม่ถึง นักดำน้ำทุกระดับควรตระหนักว่า “การขึ้นจากน้ำอย่างช้าๆ และมีสติ” คือหัวใจของความปลอดภัยใต้น้ำ การดำน้ำที่สนุกและปลอดภัยคือการดำน้ำที่เข้าใจร่างกายตัวเองอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ทักษะทางเทคนิค แต่รวมถึงการเคารพธรรมชาติและขีดจำกัดของมนุษย์ด้วย