มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด ดังนั้นการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง และการค้นพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรกในขณะที่ก้อนมีขนาดเล็ก และก้อนมะเร็งยังอยู่เฉพาะที่เต้านม ยังไม่แพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะมีโอกาสหายขาดมากขึ้น เมื่อเทียบกับการตรวจพบก้อนมะเร็งที่มีขนาดใหญ่ หรือกระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว โดยหากมีการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น มีโอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปีถึงร้อยละ 98 ถ้าตรวจเจอตอนก้อนมะเร็งกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว มีโอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปีร้อยละ 84 และถ้าตรวจเจอตอนมะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว โอกาสที่จะมีชีวิตเกิน 5 ปี มีเพียงร้อยละ 23 และยังไม่แพร่กระจายจะทำให้มีโอกาสรอดชีวิตสูง
ปัจจัยเสี่ยง
- ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งเต้านม
- ผู้หญิงที่มีบุตรหลังอายุ 30 ปี และผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตรเป็นมะเร็งของอวัยวะอื่นในร่างกายซึ่งเชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของยีน (BRCA1 หรือ BRCA2) เช่น มะเร็งรังไข่ ผู้หญิงที่มีเต้านม
- ผู้หญิงที่มีนมเต่งตึงกว่าอายุ (dense breast)
- ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาก่อนอายุ 12 ปี หรือ ประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 55 ปี
- ผู้หญิงที่รับประทานฮอร์โมนเพศหญิง รวมทั้ง ผู้หญิงที่ได้รับยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
- ผู้หญิงที่สูบบุหรี่
- ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
- ผู้หญิงที่มีความเครียดสูง ออกกำลังกายน้อย
- ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมอยู่แล้ว 1 ข้าง พบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งอีกข้างสูงถึง 5 เท่า
ระยะของมะเร็งเต้านม
- ระยะ 0 – เป็นระยะเริ่มต้นของเซลล์มะเร็ง ซึ่งยังไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื้อเต้านม
- ระยะ 1 – ก้อนมะเร็งมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง
- ระยะ 2 – ก้อนมะเร็งมีขนาดระหว่าง 2-5 เซนติเมตร ซึ่งอาจจะลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้หรือไม่ก็ได้ หรือมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้แล้ว แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น
- ระยะ 3 – ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า5 เซนติเมตร และรุกรามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้แล้ว แต่ยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น
- ระยะ 4 – มะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ แล้ว
ระยะของมะเร็งเต้านม
- ก้อนที่เต้านม
- เต้านมมีการอักเสบเจ็บหรือปวดที่เต้านม
- พบรอยบุ๋มที่ผิวหนังบริเวณเต้านม
- มีเลือดหรือ discharge ออกจากหัวนม
- พบการเปลี่ยนของสีหรือรูปร่างของเต้านม
- การเปลี่ยนแปลงของหัวนม เช่นหัวนมถูกดึงรังหรือบุ๋มลงไปไม่มีอาการ แต่พบความผิดปกติจากการคัดกรองด้วยเครื่องตรวจมะเร็งเต้านมดิจิตอลแมมโมแกรม
การตรวจเต้านมตนเอง
ควรทำทุกเดือนตั้งแต่วัยสาวถึงวัยสูงอายุ เวลาที่ดีที่สุดที่จะทำการตรวจ คือ หลังหมดระดูแล้ว 7-10 วัน เพราะเป็นช่วงที่เต้านมไม่คัดตึงทำให้ตรวจได้ง่ายสำหรับผู้หญิงที่หมดระดูหรือได้รับการตัดมดลูก จะเป็นการดีถ้าได้ทำการตรวจเต้านมตนเองทุกวันที่หนึ่งของทุกเดือน
วิธีการตรวจ 3 ท่า
- ยืนหน้ากระจก
- ปล่อยแขนข้างลำตัวตามสบาย
- ยกแขนทั้ง 2 ข้างเหนือศีรษะ
- ท้าวเอว เกร็งอกเพื่อให้ผนังทรวงอกกระชับขึ้น
- โค้งตัวมาข้างหน้าใช้มือทั้ง2ข้างท้าวเอว
- นอนราบ
- นอนให้สบายตรวจเต้านมขวาให้สอดหมอนหรือม้วนผ้าใต้ไหล่ขวา
- ยกแขนขวาเหนือศีรษะเพื่อให้เต้านมด้านนั้นแผ่ราบซึ่งจะทำให้คลำง่ายขึ้น โดยเฉพาะส่วนบนด้านนอกมีเนื้อหนามากที่สุดและมีการเกิดมะเร็งบ่อยที่สุด
- ใช้กึ่งกลางตอนบนของนิ้วมือซ้าย (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง)คลำทั่วเต้านมและรักแร้ ที่สำคัญคือห้ามบีบเนื้อเต้านมเพราะจะทำให้รู้สึกเหมือนเจอก้อนเนื้อซึ่งความจริงไม่ใช่และทำวิธีเดียวกันนี้กับเต้านมด้านซ้าย
- ขณะอาบน้ำ
- สำหรับผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดเล็กให้วางมือข้างเดียวกับเต้านมที่ต้องการตรวจบนศีรษะ แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างคลำไปทิศทางเดียวกับที่ใช้ในท่านอน
- สำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่ ให้ใช้นิ้วมือข้างนั้นประคอง และตรวจคลำเต้านมจากด้านล่าง ส่วนมืออีกข้างให้ตรวจคลำเต้านมด้านบน
ข้อควรจำ
- เรียนรู้วิธีตรวจเต้านมด้วยตัวเองจากแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
- ตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- พบแพทย์ทันทีที่พบสิ่งผิดปกติบนเต้านม
- พบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมปีละครั้งเมื่ออายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
- ก้อนมะเร็งยิ่งเล็กยิ่งมีโอกาสรักษาหาย โดยไม่ต้องตัดเต้านม
อ้างอิงจาก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ กรมอนามัย