โรคหนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Chlamydia trachomatis ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการใดๆ หรืออาจมีอาการเช่น มีหนองไหลออกจากอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด หรือปวดท้องน้อย

ความแตกต่างระหว่างโรคหนองในเทียมและหนองในแท้

  • หนองในเทียม:
    • สาเหตุ: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis
    • อาการ: มักไม่แสดงอาการชัดเจน หรืออาจมีอาการเล็กน้อย
    • ระยะฟักตัว: 1-3 สัปดาห์
    • การตรวจวินิจฉัย: ต้องใช้การตรวจพิเศษในห้องปฏิบัติการ
  • หนองในแท้:
    • สาเหตุ: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae
    • อาการ: มักมีอาการชัดเจน เช่น มีหนองไหลจากอวัยวะเพศมาก ปวดแสบเวลาปัสสาวะ
    • ระยะฟักตัว: 2-7 วัน
    • การตรวจวินิจฉัย: สามารถตรวจพบเชื้อได้ง่ายกว่าด้วยการย้อมสีแกรม

การวินิจฉัย

  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ:
    • การตรวจ Nucleic Acid Amplification Tests (NAATs) จากตัวอย่างปัสสาวะหรือสิ่งคัดหลั่ง
    • การเพาะเชื้อ
    • การตรวจด้วยวิธี PCR
  • การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะซักถามอาการและตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ

การรักษา

  • ยาปฏิชีวนะ: มักใช้ยากลุ่ม Azithromycin หรือ Doxycycline
  • การรักษาคู่นอน: ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วย
  • การติดตามผล: ควรตรวจซ้ำหลังการรักษาเพื่อยืนยันว่าหายจากโรคแล้ว
  • งดมีเพศสัมพันธ์: ระหว่างการรักษาและอย่างน้อย 7 วันหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น

การป้องกัน

  • การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย:
    • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
    • ลดจำนวนคู่นอน
  • การตรวจคัดกรองเป็นประจำ: โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
  • การให้ความรู้: เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและวิธีป้องกัน
  • การรักษาความสะอาด: ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ
  • การรักษาทันทีเมื่อมีอาการ: เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อ