ไวรัสโรต้า
ไวรัสโรต้า วายร้ายใกล้ตัว ที่พ่อแม่ควรระวัง เมื่อลูกน้อยก้าวเข้าสู่วัยอยากรู้อยากเห็น มักจะอยากลองสัมผัสสิ่งรอบตัวด้วยการนำสิ่งของใส่ปาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ของเล่น ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จึงอาจจะเป็นช่องทางหนึ่งที่นำไปสู่การติดเชื้อ อันเป็นสาเหตุทำให้เด็ก ๆ ป่วยเป็นโรคท้องร่วงแบบเฉียบพลัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ข้อมูลวิชาการโดย น.ต.หญิง ศิริพร ผ่องจิตสิริ หน่วยโรคติดเชื้อในเด็ก กองกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ทำคว่มรู้จักกับ “ไวรัสโรต้า”
เชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงในเด็กเล็ก โดยมักจะเกิดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เชื้อมีความทนทาน สามารถอยู่ไดทุกที่ แพร่กระจายได้เร็ว มีชีวิตหลายวัน อีกทั้งยังเป็นเชื้อที่ติดได้ง่ายเมื่อเด็กสัมผัสเชื้อที่ติดมากับของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือ อุจาระที่ปนเปื้อนเชื้อ และเอามือเข้าปาก เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรง
- เชื้อ ทำให้เกิด โรคอุจจาระร่วงอย่างรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก โดยมีอาการสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ ท้องเสีย มีไข้สูง อาเจียน
- ติดง่าย ติดได้ซ้ำๆ การติดเชื้อเกิดขึ้นได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตามการติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้มีอาการรุนแรงที่สุด และอาการรุนแรงจะลดลงในการติดเชื้อครั้งถัด ๆ ไป เนื่องจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น
- มีมากมายหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักที่ก่อโรคในเด็กไทยนั้น 98% เกิดจากสายพันธุ์ G1 G2 G3 G4 G9 สานพันธุ์ G2 เป็นสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงมาก
- ปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสที่ไม่อาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำลายได้ และ ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ดังนั้น การรักษาจึงสามารทำได้โดยรักษาตามอาการเท่านั้น
- ป้องกันได้ง่าย ๆ หมั่นล้างมือ ดูแลรักษาความสะอาด สิ่งของเครื่องใช้ โดยเฉพาะของเล่นเด็ก หยอดวัคซีนป้องกัน
- วัคซีนโรต้าทำมาจาก เชื้อที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ จนไม่ก่อโรคมีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันโรค
ปัจจุบันมีวัคซีน 2 ชนิด ที่ใช้ป้องกัน ได้แก่
- วัคซีนโรต้า ชนิด 5 สายพันธุ์ (Human-Bovine) ที่มีสายพันธุ์มนุษย์ G1,G2,G3,G4 และ P8
- วัคซีนโรต้าชนิด 1 สายพันธุ์ (Human) ทีมีสายพันธุ์มนุษย์ G1P8 เป็นส่วนประกอบ
วัคซีนป้องกัน ควรเริ่มให้ที่ช่วงอายุ 2 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน คุณแม่อย่าลืมปรึกษาคุณหมอนะคะ