6011-article-1-01

10 ความเชื่อเรื่องสุขภาพที่เราเคยได้ยินต่อๆ กันมา แต่อาจไม่แน่ใจว่าอะไรคือความจริงและควรเชื่อ ไขข้อข้องใจจากคำถามชวนสงสัย และมีคำตอบที่เชื่อถือได้จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ

Q : เราจำเป็นต้องกินแคลเซียมเสริมไหมหลังอายุ 30 ปี ?

นพ.ยุทธนา : โดยธรรมชาติแล้ว ร่างกายคนเราจะไม่ขาดแคลเซียมจนกว่าจะมีอายุ 30 ปีขึ้นไป ยกเว้นในผู้หญิงตั้งครรภ์หรือป่วยด้วยโรคบางชนิดที่จะทำให้มีภาวะขาดแคลเซียมก่อนวัย 30 เพราะฉะนั้น ทั้งชายและหญิง หลังอายุ 30 ปี จึงควรกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อทดแทนแคลเซียมที่ถูกนำออกมาใช้ อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น โยเกิร์ต นม นมถั่วเหลือง ผักบางชนิด เช่น คะน้า บล็อกโคลี่ ผักกะเฉด ใบยอ นอกจากนี้ สามารถกินแคลเซียมเสริมชนิดเม็ดได้ในกรณีที่บริโภคอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งแคลเซียมเสริมที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุดคือ แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-Threonate) ที่สำคัญ ควรกินควบคู่ไปกับวิตามินดีด้วย

Q : คนเราจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมเสมอไปหรือไม่ ?

นพ.ยุทธนา : วิตามินเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่เป็นสารที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ต้องได้จากการรับประทานอาหาร ซึ่งหากได้รับวิตามินที่ไม่เพียงพอ การกินวิตามินเสริมก็ถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดวิตามิน แต่หากร่างกายได้วิตามินอย่างเพียงพอแล้ว การกินวิตามินเสริม ก็ไม่จำเป็นแต่อย่างใด ปัจจุบันในโรงพยาบาลชั้นนำ จึงมีการปรุงวิตามินที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยรายบุคคล โดยจะทำการเจาะเลือดตรวจดูว่า ผู้ป่วยขาดวิตามินชนิดใดบ้าง แล้วค่อยจัดวิตามินตามที่ขาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและไม่กินวิตามินเสริมผิดชนิด

Q : ทำไมคนผอม จึงมักมีไขมันในคอเลสเตอรอลสูง ?

นพ.ยุทธนา : คอเลสเตอรอลเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ใช้ในการทำงานของสมองและผลิตฮอร์โมน ซึ่งตามธรรมชาติ ร่างกายจะสร้างคอเลสเตอรอลขึ้นได้เองถึง 80% ส่วนคอเลสเตอรอลที่มาจากอาหารมีเพียง 20% เท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนผอมหรืออ้วน จึงมีโอกาสคอเลสเตอรอลสูงได้เหมือนกัน ไขมันคอเลสเตอรอลสูง ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันสะสมในร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนมีภาวะไขมันสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะ LDL และ Triglyceride (TG) การกินอาหารไขมันสูง (ไขมันอิ่มตัว) คาร์โบไฮเดรตของหวานมากๆ ก็จะยิ่งเพิ่มไขมันในเลือดสูงมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะไขมันชนิดไม่ดีสูง (LDL, TG) จะเสี่ยงเป็นโรคเส้นเลือดอุดตันตามสมอง และหัวใจ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต รวมถึงโรคไขมันพอกตับ

Q : ไขมันไม่ดี ถ้ามีน้อยเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย ?

นพ.ยุทธนา : ปัจจุบัน ทางการแพทย์ยังไม่มีการศึกษาว่าไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายคนเราก็ยังจำเป็นต้องใช้คอเลสเตอรอลในการทำงานของสมอง การผลิตฮอร์โมน และการสร้างเซลล์ต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้น การเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันดี ย่อมส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่า

Q : การกินอาหารที่มีไขมันดี จะช่วยเผาผลาญและขจัดไขมันไม่ดีได้ ?

นพ.ยุทธนา : ไม่จริง ระบบการเผาผลาญเป็นคนละเรื่องกัน ไม่เกี่ยวกับการกินไขมันดีจะช่วยเผาผลาญไขมันไม่ดีในร่างกาย เพราะการลดไขมันไม่ดี อยู่ที่การไม่เอาเข้าปาก และการออกกำลังกายที่ถูกวิธี และตามระยะเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะการออกกำลังกายเพื่อลดไขมัน ควรเน้นบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่คือกล้ามเนื้อต้นขาบริเวณโคนขาด้านหลัง ซึ่งเป็นที่รวมไขมันมากที่สุด เมื่อสามารถขจัดไขมันออกจากกล้ามเนื้อได้แล้ว ถัดมาคือไขมันจากตับและพุง จะถูกเผาผลาญจากการออกกำลังกาย โดยไขมันที่บริเวณตับถือเป็นจุดที่ขจัดออกยากที่สุด ต้องใช้หลายวิธี ทั้งการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายที่รุนแรงพอคือไม่ต่ำกว่า 30 นาที และ Burn calories อาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 150 kcal

Q : การกินยาลดไข้ไว้ล่วงหน้า จะช่วยป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยได้ ?

นพ.ยุทธนา : ไม่จริง และสรรพคุณของยาลดไข้ ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบก็ไม่เหมือนกัน เช่น ยาแก้อักเสบปฏิชีวนะไม่ได้ช่วยลดไข้ แต่เป็นยาฆ่าเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม ยาบางกลุ่มอย่างแอสไพริน ถือเป็นยาลดไข้และแก้อักเสบแต่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะได้ด้วย แต่ไม่ใช่แก้อักเสบสำหรับฆ่าเชื้อ เป็นเพียงยาแก้อักเสบ ที่บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ นอกจากนี้ ยาแก้ปวดแก้ไข้นั้น ปกติมีฤทธิ์เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะฉะนั้น การกินยา จึงต้องกินให้ถูกโรค เช่น เชื้อแบคทีเรียต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เชื้อไข้หวัด ร่างกายสามารถเยียวยาได้ด้วยตัวเอง หากร่างกายแข็งแรงพอ ก็สามารถหายได้เอง

Q : กินยากับนมหรือน้ำส้ม ทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่ได้ประสิทธิภาพ ?

นพ.ยุทธนา : ขึ้นอยู่กับชนิดของยา เนื่องจากยาบางชนิดดูดซึมได้ดี ถ้าอยู่ในภาวะเป็นกรด บางชนิดอยู่ในภาวะเป็นด่าง บางชนิดอยู่ในภาวะเป็นกลาง บางชนิดต้องกินก่อน-หลังอาหาร หรือต้องกินพร้อมอาหารหรือห้ามกินพร้อมอาหารบางชนิด

Q : คนที่เป็นโรคเลือดจาง ควรกินตับและเครื่องในสัตว์ จะช่วยลดภาวะเลือดจางได้ ?

นพ.ยุทธนา : เลือดจางคือมีเม็ดเลือดแดงต่ำ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่น ขาดธาตุเหล็ก พบได้ในหญิงให้นมบุตร หรือผู้ที่มีภาวะเสียเลือดโดยไม่รู้ตัว อาทิ มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร เป็นริดสีดวงทวาร หรือมีประจำเดือนมากกว่าปกติ ประเภทนี้ต้องกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก ซึ่งพบมากในเครื่องในสัตว์ สองเลือดจางจากโรคธาลัสซีเมียคือเม็ดเลือดแตก ผู้ป่วยไม่ได้ขาดธาตุเหล็ก แต่มีธาตุเหล็กสูง หากกินธาตุเหล็กเพิ่ม ร่างกายจะยิ่งแย่เพราะมีธาตุเหล็กเกิน บางครั้งต้องกินยาหรือสารบางชนิดเพื่อขับธาตุเหล็กออก นอกจากนี้ เลือดจางยังอาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น ไขกระดูกไม่ทำงาน เพราะฉะนั้น เลือดจางแต่ละชนิด รักษาคนละแบบ ซึ่งการพบแพทย์ และเจาะเลือดตรวจ จะทำให้ทราบได้ว่าเลือดจางจากสาเหตุอะไร

Q : การบริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือน ช่วยขับเลือดเก่าและทำให้ร่างอายุยืนยาว ?

นพ.ยุทธนา : คนที่สามารถบริจาคเลือดได้ แสดงว่าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว และปกติเวลาบริจาคเลือด ร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่บริจาคเลือดได้ทุกๆ 3 เดือนนั้น สภากาชาดจะให้ธาตุเหล็กมากิน เพราะธาตุเหล็กนำไปใช้สร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อให้สามารถกลับมาบริจาคเลือดได้ใหม่ อย่างไรก็ตาม สุขภาพแข็งแรงหรืออายุยืนยาวนั้น มาจากการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย และการนอนหลับที่ดีมากกว่า

Q : การเติมน้ำดื่มจากขวดพลาสติกเดิม มีอันตราย จริงหรือไม่ ?

นพ.ยุทธนา : ขวดพลาสติกมี 2 แบบ คือแบบสีขุ่นและสีใส พวกสีขุ่นมีสารโพลิคาร์บอเนต ซึ่งจะมีสาร Bisphenol A (BPA) เมื่อทิ้งขวดน้ำดื่มพลาสติกไว้ในรถอุณหภูมิสูง สารดังกล่าวจะละลายปนกับน้ำ และอาจก่อให้เกิดเป็นมะเร็ง จึงไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ แต่ปัจจุบันขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้กันส่วนใหญ่ ทำมาจากขวด PET หรือพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งจะไม่มีสาร Bisphenol A ปนเปื้อน จึงปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า อย่างไรก็ตาม หากนำมาใช้ซ้ำ ควรล้างทำความสะอาด และใช้หลอดดูดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

บทความโดย : นพ.ยุทธนา สงวนศักดิ์โกศล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต

6011-Vitamin-0

ตรวจระดับวิตามินในร่างกาย

โปรแกรมตรวจ ระดับวิตามินในร่างกาย 8 ชนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินที่เพียงพอและเหมาะสม ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ลดความ เสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ควบคุมระดับน้ำตาล และ ควบคุมความดันโลหิตสูง โดยมีการตรวจวัดระดับ วิตามินต่างๆในร่างกาย และจัดวิตามินเสริมสำหรับ วิตามินส่วนที่ขาด ให้เพียงพอและเหมาะสมตามเฉพาะ แต่ละบุคคล .. สนใจรายละเอียด คลิกที่นี่!!