การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกก่อนที่จะมีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด มะเร็งปากมดลูก หรือตรวจหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้

ตรวจอย่างไร?

วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 วิธี

  1. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกแปปเสมียร์ (Pap smear) เป็นการตรวจโดยจะใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้ เป็นวิธีการตรวจที่ราคาไม่สูง แต่ด้านความแม่นยำอาจไม่มากนัก อยู่ที่ประมาณ 50 %
  2. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep) พัฒนามาจากวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพและความแม่นยำอยู่ที่ประมาณ 90-95% โดยเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ จากนั้นใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พ ก่อนส่งตรวจผลในห้องปฏิบัติการ
  3. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep) + การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) เป็นการตรวจที่เชื่อว่าดีที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการเจาะลึกให้มากขึ้นว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีการติดเชื้อก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99 % ว่าในช่วง 1-2 ปีที่รับการตรวจโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกจะน้อยมาก

ทำไมถึงต้องตรวจ?

การตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้เข้าใจและใส่ใจ การตรวจและการป้องกัน ควรตรวจทุกปี มะเร็งปากมดลูกมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น จึงควรตรวจคัดกรอง หากพบสาเหตุจะสามารถรักษาได้