610213-1vit-1

ความนิยมในการซื้อหาวิตามินมารับประทานเสริมมีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายคนซื้อเพื่อมารับประทานเอง ในขณะที่บางคนเลือกซื้อเพื่อให้บุคคลอันเป็นที่รักมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น วันนี้เราจะมาพูดถึงความสำคัญของวิตามิน และข้อควรรู้ก่อนรับประทานวิตามินว่ามีอะไรกันบ้าง ?

วิตามิน คือ สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อปฏิกิริยาต่างๆ ในร่างกาย ร่างกายต้องการในปริมาณที่ไม่มาก แต่ขาดไม่ได้ และส่วนใหญ่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทาน เนื่องจากวิตามินมีความสำคัญต่อการทำปฏิกิริยาต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างพลังงาน, ช่วยการทำงานของฮอร์โมน, ช่วยการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ เมื่อร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอจึงเกิดปัญหาขึ้น สาเหตุใหญ่ๆ ที่มักทำให้เราได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ได้แก่

  1. การรับประทานอาหารซ้ำๆ ไม่หลากหลาย โอกาสได้รับวิตามินไม่ครบก็มีสูง
  2. การรับประทานอาหารน้อยเกินไป ต้องระวังในผู้ที่ควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหาร
  3. การต้องเผชิญกับมลภาวะและความเครียด จำนวนมากในแต่ละวัน ก็สามารถทำให้วิตามินที่ได้รับจากอาหารไม่เพียงพอได้

610213-1vit-2

หากระดับวิตามินในร่างกายไม่เพียงพอ ร่างกายจะแสดงอาการเตือนออกมา เช่น เป็นหวัดบ่อยขึ้น เหนื่อยเพลียง่าย ผิวแห้ง ผมแห้ง ผิดปกติ เป็นต้น และเรายังพบว่า คนที่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ มักมีระดับวิตามินในเลือดต่ำกว่าคนปกติ ดังนั้น เพื่อรู้ถึงประโยชน์ของวิตามินแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าก่อนรับประทานวิตามินเสริม 4 ข้อที่เราควรรู้มีอะไรบ้าง

  1. การรับประทานวิตามินเสริม ไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้ ถึงวิตามินจะมีประโยชน์ แต่ในอาหารนอกจากมีวิตามินแล้ว ยังมีสารอาหารอีกหลายอย่างที่ วิตามินเสริม ไม่สามารถทดแทนได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนเป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยเสริมวิตามินในส่วนที่ไม่สามารถรับประทานได้เพียงพอ
  2. ต้องรู้ก่อนว่าวิตามินที่จะรับประทานละลายในน้ำ หรือ ในไขมัน เพราะมีผลต่อการดูดซึมของวิตามิน เช่น วิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน เอ, เบต้าแคโรทีน, ดี, อี, เค, โคเอนไซม์ คิว 10 จำเป็นต้องรับประทานหลังอาหารเพื่อให้ไขมันในอาหารช่วยในการดูดซึม ในขณะที่วิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามิน ซี, บี, โฟลิค ไม่จำเป็นต้องทานหลังอาหาร เป็นต้น แต่ด้วยความที่สามารถละลายในน้ำได้ จึงทำให้วิตามินเหล่านี้ถูกขับออกทางปัสสาวะได้อย่างรวดเร็ว จึงแนะนำให้แบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้มีระดับวิตามินในเลือดเพียงพอตลอดทั้งวัน
  3. วิตามินที่จะรับประทาน มีผลต่อโรคประจำตัวที่เป็น หรือยาที่รับประทานอยู่หรือไม่ เช่น ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสารสกัดจากโสม เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้, วิตามิน ซี ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และหากรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน อี, น้ำมันปลา, สารสกัดโสม, สารสกัดใบแปะก๊วย, สารสกัดชาเขียว และ สารสกัดขิง เป็นต้น ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินเสริมโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
  4. วิตามินที่จะรับประทานตรงตามความต้องการของร่างกายหรือไม่ แนะนำเจาะเลือดเพื่อดูระดับวิตามินในเลือดก่อนรับประทาน เพราะจะทำให้สามารถเลือกรับประทานวิตามินได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ตรงตามความต้องการของร่างกาย และลดความเสี่ยงการได้รับวิตามินเกินขนาดได้ รู้ดังนี้แล้ว ก่อนรับประทานวิตามินเสริมครั้งต่อไป อย่าลืมนำ 4 ข้อนี้ไปพิจารณาก่อนทุกครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือวิตามินเสริม หากรับประทานโดยไม่ระวังย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน