เมื่อประจำเดือนขาด ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว เรื่องที่ต้องสงสัยไว้ก่อนอันดับแรก แน่นอนว่าคือ “การตั้งครรภ์” หรือ “ตั้งท้อง” นั่นเอง และการจะพิสูจน์ให้ทราบว่า เรานั่น “ตั้งครรภ์” หรือไม่ มีวิธีการตรวจอยู่ถึง 4วิธีเลยค่ะที่จะใช้ในการตรวจและยืนยันการตั้งครรภ์ได้

จุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์เริ่มจาก ไข่ได้รับการปฏิสนธิ และตัวอ่อนมาฝังตัวที่ผนังมดลูก จะมีการสร้างฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin)

การตรวจการตั้งครรภ์ตั้งแต่ระยะแรก จึงเป็นการตรวจจากการวัดระดับฮอร์โมน เอชซีจี (HCG) ซึ่งจะเริ่มตรวจพบได้ ประมาณ 6 วันหลังการปฏิสนธิ แต่ระดับฮอร์โมนระดับ HCG ยังต่ำมาก และจะเพิ่มอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์ มีวิธีการตรวจอยู่ถึง 4วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1. ตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์

วิธีตรวจการตั้งครรภ์ที่สะดวกและง่ายที่สุด คือ การตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยา อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์โดยการตรวจปัสสาวะ มีอยู่ 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบจุ่ม( Test Strip), แบบหยด (Pregnancy Test Cassette) หรือแบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะราคาที่ไม่แพง และสะดวกในการใช้งาน

การแสดงผลการตรวจของ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ จะแสดงเป็น แถบขีดสี (ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง) อย่างที่รู้กันว่า 2 ขีดคือ ผลบวก แสดงว่า มีโอกาสตั้งครรภ์สูง และ ขีดเดียว คือ ผลลบ แสดงว่า ไม่ตั้งครรภ์ แต่การตรวจด้วยวิธีนี้ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ด้วย

6306-pregnancy-2
  1. ในช่วงแรก 0-6 วันหลังจากปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมน HCG ยังต่ำมากจึงมีโอกาสตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ได้ แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 14 วัน
  2. ชุดตรวจการตั้งครรภ์ โดยทั่วไป ตามท้องตลาด จะระบุถึงผลทดสอบที่แม่นยำ โดยเฉลี่ยถูกต้องประมาณ 97% โดยชุดแท่งตรวจแต่ละรุ่นของแต่ละยี่ห้อจะมีค่า Sensitivity หรือความไว บอกไว้ เช่น 20 mIU/ml, 50 mIU/ml หรือ 100 mIU/mlชุดตรวจที่มีความ Sensitive สูง (ค่าตัวเลขต่ำ) จะสามารถตรวจหา HCG ที่ระดับต่ำๆ เจอได้ และสามารถให้ผลได้อย่างแม่นยำตั้งแต่เนิ่นๆ หรือ7-10 วันหลังไข่ตก จึงตรวจอ่านข้อมูลบนฉลากชุดตรวจให้ชัดเจนก่อนซื้อ
  3. “ผลบวกลวง” กรณีที่ผลตรวจขึ้น 2 ขีด ที่แสดงว่า “ตั้งครรภ์” แต่ที่จริงแล้ว “ไม่ได้ตั้งครรภ์” นั่นมีโอกาสเกิดได้ในกรณีดังนี้
    • มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีเลือด หรือมีไข่ขาวในปัสสาวะ
    • แผ่นทดสอบเสื่อมประสิทธิภาพ
    • ตรวจในระหว่างที่ทานยาบางชนิด
    • มีโอกาสเกิดได้ในผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติ เช่น อ้วนมาก หรือเป็นโรคไทรอยด์
  4. “ผลลบลวง” คือกรณีที่ผลตรวจขึ้น 1 ขีด ที่แสดงว่า ไม่ตั้งครรภ์ แต่ที่จริงแล้ว ตั้งครรภ์ อาจเกิดจากตรวจในช่วงที่น้ำปัสสาวะเจือจาง , ตรวจในช่วงก่อน 6 วันหลังมีการปฏิสนธิหรือตรวจเร็วเกินไป หรือตรวจตอนท้องเกินกว่า 4 เดือน

ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง มีหลากยี่ห้อ หลายรุ่น และมีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป

วิธีที่ 2. การตรวจการตั้งครรภ์โดยห้องปฏิบัติการ

การตรวจด้วยวิธีที่เรียกกันว่า “Urine Pregnancy test” หรือ ยูพีที (UPT) ก็คล้ายๆกับการตรวจด้วยตนเอง แต่จะเป็นแบบจุ่ม (Test Strip) หรือแบบหยด (Pregnancy Test Cassette) โดยเมื่อมาถึง โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จะให้กระป๋อง เพื่อให้เราเก็บปัสสาวะไปให้ห้องแลบที่โรงพยาบาลตรวจให้ โดยทั่วไป ค่า sensitive ของการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะที่โรงพยาบาล จะอยู่ที่ 20-25 mIU/ml ทำให้ตรวจได้แม้ระดับฮอร์โมนยังไม่สูงมากนัก และแปลผลโดยนักเทคนิคการแพทย์
6306-pregnancy-3

ค่าบริการตรวจที่ประมาณ 300 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละโรงพยาบาล)

วิธีที่ 3. การเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์

วิธีนี้เป็นการตรวจที่ได้ผลแม่นยำที่สุด สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังจากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ในขณะที่บางครั้งการตรวจจากปัสสาวะยังไม่ขึ้นผล แต่ตรวจเลือดก็ได้ผลว่า พบฮอร์โมนการตั้งครรภ์แล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจให้รู้แน่ชัดโดยไว เช่น ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือมีประวัติแท้งบุตร ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการดูแล ให้ฮอร์โมนเสริมต่างๆ เพื่อป้องกันการแท้งบุตร
6306-pregnancy-4

การเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ มีค่าบริการตรวจที่ประมาณ 800 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละโรงพยาบาล)

วิธีที่ 4. การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยอัลตร้าซาวด์

การตรวจด้วยวิธีนี้ จะเป็นการตรวจด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในช่องท้องและสร้างภาพขึ้นมา ทำการตรวจโดยสูตินรีแพทย์ นอกจากจะช่วยตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์ ยังบอกตำแหน่งการตั้งครรภ์ว่า อยู่นอกมดลูกหรือไม่

  • ทราบอายุครรภ์
  • ตำแหน่งการตั้งครรภ์ ว่า ในมดลูก หรือนอกมดลูก
  • ที่ถุงน้ำ หรือซีสต์รังไข่หรือไม่
  • มดลูกมีก้อนเนื้องอกหรือไม่
  • ครรภ์แฝด
  • หลัง 4 เดือนไปแล้ว สามารถตรวจเพศของลูก และคัดกรองความพิการได้
  • ภาวะผิดปกติที่อาจเกิด เช่น รกเกาะต่ำ น้ำคร่ำมากหรือน้อยเกินไปเป็นต้น
6306-pregnancy-5

การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยอัลตร้าซาวด์ มีค่าบริการตรวจที่ประมาณ 2,000 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละโรงพยาบาล)

การตรวจทั้ง 4 วิธีมีความสะดวก ความแม่นยำ ข้อดีแตกต่างกันไป

แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ จะซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง มาตรวจที่บ้านเป็นอันดับแรก ซึ่งแนะนำว่า ควรตรวจเมื่อประจำเดือนขาด และเลือกชุดตรวจที่มีคุณภาพ จากร้านที่น่าเชื่อถือ ควรตรวจซ้ำไม่ว่าผลจะเป็นบวกหรือลบ ทั้งนี้เมื่อผลเป็นบวก ก็ควรมาปรึกษาสูตินรีแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อฝากครรภ์ รับการดูแลและคำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่และลูกต่อไป

ปรึกษาเรื่องสุขภาพสตรี ได้ที่ คลินิกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
“รวดเร็ว ปลอดภัย ใส่ใจบริการ”
โทร. 081-811-1236
Inbox : https://www.messenger.com/t/ch9airport
Line@ : @ch9airport