เฮ้ยยย ! เราติดโควิดแล้วหรือยัง … นี่เป็นประโยคฮิตในช่วงปี 2020 ที่ไม่มีใครอยากจะพูดหรือได้ยินเลยสักนิด เพราะการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 (โควิด-19) ได้ลุกลามไปทั่วโลกและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วจำนวนไม่น้อย ประเทศไทยของเราเองก็มีการรายงานผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อเช่นกัน ทำให้หลายคนกังวลและหวาดกลัว มาดูกันว่า COVID-19 แสดงอาการเจ็บป่วยอย่างไร

เช็คตัวเองด่วน !!!

6304-covid19-ar2-06
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุอาการหลักที่สังเกตด้วยตนเองได้แบบง่ายๆ ดังนี้

  • มีไข้สูงกว่า 37.5 องศา
  • เจ็บคอ
  • ไอแห้ง
  • มีน้ำมูก
  • หายใจเหนื่อยหอบ
แม้ว่าการแสดงอาการโดยทั่วไปจะดูคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่ความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ยังไม่มียาปฏิชีวะหรือวัคซีนใดๆ รักษาหายได้โดยตรง เป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคอง และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างปอดอักเสบเกิดขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความเสี่ยงอันตรายถึงอวัยวะภายในต่างๆ ล้มเหลว ทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคไม่แข็งแรง จนถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด

ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง

6304-covid19-ar2-07
ทุกคนไม่ว่าจะเพศหรือวัยไหน ล้วนมีโอกาสสัมผัสกับโรคได้ทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มคนดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่อาศัยในประเทศหรือเมืองที่มีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง
  2. ผู้ที่เดินทางเข้าไปหรือออกจาก รวมถึงการแวะเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศหรือเมืองที่มีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง
  3. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
  4. ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ เป็นต้น

สงสัยว่าจะติดแล้วแน่ๆ ต้องทำอย่างไร

6304-covid19-ar2-08
ถ้าเพิ่งเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด ให้กักตัวเองอย่างน้อย 14 วัน เพื่อสังเกตอาการในระยะการฟักตัวของเชื้อ ถ้าพบว่ามีอาการ 5 อย่างดังกล่าว ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยอาการแสดงของโรค ดังนี้
  • มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจลำบาก หายใจหอบเหนื่อย อุจารระร่วง
  • มีภาวะปอดบวม โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง ปอดอักเสบและน้ำท่วมปอด
  • ไตวาย เม็ดเลือดขาวต่ำลง ระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว

โดยจะต้องตอบตามความเป็นจริง ไม่ปิดบังและบิดเบือนข้อมูลอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงเพื่อตนเองเท่านั้นในการวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องของแพทย์ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองที่จะควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่สำคัญ เราทุกคนจะต้องร่วมด้วยช่วยกัน Stay at Home อยู่บ้านปลอดภัย หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น อยู่ห่างกันเข้าไว้ ล้างมือบ่อยๆ และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน

ไข้หวัดธรรมดา vs Covid – 19

#ไข้หวัดธรรมดา #Covid19 #ต่างกันอย่างไร #มาดูกัน

หลังจากโควิด – 19 เริ่มแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ไม่นานก็ลามไปถึงหลายๆประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งจะมีอาการใกล้เคียงกันกับไข้หวัดธรรมดามากๆ พอใครมีไข้ ไอ เจ็บคอ ก็จะเกิดความสับสนว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา และ โควิด – 19 ต่างกันอย่างไร? ไปดูกัน

ไข้หวัดธรรมดา

  • มีไข้ต่ำ
  • น้ำมูกไหล
  • ไอ
  • จาม
  • เจ็บคอ

ความรุนแรง : มักไม่มีโรคแทรกซ้อนรุนแรงเท่าไหร่ และไม่มีอาการที่รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก และมีอาการอยู่ไม่นาน เพียงแค่ทานยาให้ครบ พักผ่อนให้เพียงพอ อาการไข้หวัดก็จะค่อยๆหายไปเองในระยะเวลา 3 – 4 วัน

โควิด – 19

  • มีไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอแห้ง
  • มีเสมหะ (อาจมีเลือดติดเป็นเส้นสาย)
  • หายใจเหนื่อยหอบ (ลำบาก)
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • อาจมีคลื่นไส้
  • ท้องเสีย

ความรุนแรง : จะทำให้มีอาการปอดอักเสบซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิต แต่ความรุนแรงจะแตกต่างกันตามความแข็งแรงและภูมิคุ้มกันของแต่ละคน โดยเด็กอายุน้อย และกลุ่มวัยรุ่น จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าผู้สูงอายุ (ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจะเป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด)

6305-covid19vs

แต่หากท่านใดที่มีอาการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย แล้วอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือไปตามสถานที่ที่เสี่ยงมา ควรรีบไปตรวจเพื่อหาเชื้อทันที!! แต่หากใครที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แนะนำให้ทานยา พักผ่อนให้เพียงพอ กักตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน และเฝ้าสังเกตอาการตัวเองต่อไป หากไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ทันที

ที่มา : https://www.sanook.com/health/20657/