โรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex มีอาการเป็นผื่นตุ่มน้ำที่ริมฝีปาก หรืออวัยวะเพศ การรักษาที่หายไวที่สุดคือ การรับประทานยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ

โรคเริมเกิดจากอะไร

โรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex (HSV) จากการสัมผัสรอยโรค หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโรคเริมรายอื่น

อาการของโรคเริม

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการในวันแรกๆหลังจากได้รับเชื้อครั้งแรก ในผู้ป่วยบางส่วนจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-12 วัน โดยจะพบมีตุ่มน้ำบริเวณผิวหนังที่ริมฝีปาก บริเวณอวัยวะเพศ หรือผิวหนังบริเวณอื่นที่สัมผัสเชื้อ

ในบางราย อาจจะมีอาการไข้ ปวดตามตัว ปวดศีรษะ หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมร่วมด้วย

ลักษณะตุ่มน้ำใสที่พบจะเรียงตัวเป็นกลุ่ม หลังจากนั้นจะแตกออกเป็นแผลตื้นๆ มีอาการเจ็บและ ปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผล แผลจะค่อยๆ แห้ง ตกสะเก็ดและหายในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

ในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้นกันบกพร่อง อาจมีการติดเชื้อไวรัสในอวัยวะอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อบริเวณตา การติดเชื้อในระบบประสาท การติดเชื้อที่ตับ การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

โรคเริมสามารถเป็นซ้ำได้หรือไม่

โรคเริมสามารถเป็นซ้ำใหม่ได้ เมื่อมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้น เช่น ความเครียด การเจ็บป่วยจากโรคอื่น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อระบบประสาทที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส HSV

โรคเริมที่กลับเป็นซ้ำบริเวณผิวหนังจะมีอาการจะน้อยกว่าอาการของโรคเริมภายหลังการติดเชื้อครั้งแรก

การรักษาและการปฏิบัติตัวผู้ป่วยโรคเริม

การรักษาโรคเริม รักษาโดยการรับประทานยาต้านไวรัส เช่น ยา Acyclovir, Valacyclovir หรือ Famciclovir การให้ยาภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ จะช่วยให้รอยโรคทางผิวหนังหายได้เร็วขึ้น และลดระยะเวลาการปวดแผล ส่วนการใช้ยาต้านไวรัสชนิดทามีประโยชน์น้อย

การป้องกันเริมกลับเป็นซ้ำ

  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการกลับเป็นซ้ำของโรค
  • ในกรณีที่มีการกลับเป็นซ้ำของโรคมากกว่า 6 ครั้งต่อปี หรือมีอาการรุนแรงเมื่อกลับเป็นซ้ำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการรับประทานยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค

พญ. กัญญวิสาข์ ตั้งกิจวณิชย์เจริญ
อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต