ผู้หญิงหลายคนเคยรู้สึกไม่สบายตัว หรืออารมณ์แปรปรวนก่อนมีประจำเดือน จนบางครั้งถูกมองว่า “คิดมาก” หรือ “เวอร์” แต่ความจริงแล้ว ภาวะนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า PMS (Premenstrual Syndrome) ซึ่งหากไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง อาจพลาดสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงโรคที่รุนแรงกว่านั้นอย่าง PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder)

PMS เริ่มเมื่อไร และอันตรายแค่ไหน?

อาการของ PMS มักเริ่มขึ้นประมาณ 5–10 วันก่อนวันแรกของประจำเดือน โดยสัมพันธ์กับช่วงที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเปลี่ยนแปลงในรอบเดือน

ผู้หญิงที่มี PMS จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและอารมณ์ เช่น

  • หน่วงท้อง เจ็บเต้านม ตัวบวมน้ำ
  • หิวของหวานหรืออาหารเค็มมากกว่าปกติ
  • อารมณ์หงุดหงิดง่าย แปรปรวน รู้สึกเศร้าแบบไม่มีเหตุผล
  • นอนไม่หลับหรือหลับมากผิดปกติ

โดยทั่วไป PMS ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่อาจกระทบคุณภาพชีวิต เช่น ทำงานไม่เต็มที่ มีปัญหากับคนรอบข้าง หรือเสียสมาธิในชีวิตประจำวัน หากละเลย อาการอาจพัฒนาเป็นระดับที่รุนแรงกว่านั้น

แล้วเมื่อไรที่ PMS จะกลายเป็น PMDD?

แม้ทั้ง PMS และ PMDD จะเริ่มจากวงจรเดียวกันของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน แต่ PMDD มีความรุนแรงที่ลึกลงไปถึงระดับจิตใจ โดยเฉพาะความรู้สึกด้านลบที่ “ควบคุมไม่ได้”

ผู้ที่มี PMDD จะมีอาการคล้าย PMS แต่ทวีคูณความรุนแรง เช่น

  • ซึมเศร้าอย่างรุนแรงจนร้องไห้บ่อย
  • หงุดหงิดถึงขั้นโมโหรุนแรง หรือทำร้ายตัวเอง
  • ขาดสมาธิในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • รู้สึกไร้ค่า หมดพลัง และมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่

โดยจะเกิดก่อนมีประจำเดือนประมาณ 7 วัน และหายไปภายใน 2–3 วันหลังประจำเดือนมา

หากพบว่าตนเอง “ทุกข์” มากกว่า “ไม่สบายตัว” ในช่วงก่อนมีประจำเดือนทุกเดือน ควรตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่ใช่แค่ PMS แต่เป็น PMDD

ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อ PMS/PMDD มาเยือน?

การรับมือกับอาการเหล่านี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการดูแลทั้ง “กาย” และ “ใจ” ไปพร้อมกัน

วิธีช่วยบรรเทา PMS ที่ได้ผล

  • ลดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารเค็ม
  • ออกกำลังกายเบาๆ อย่างโยคะหรือเดินเร็ว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานวิตามินที่มีส่วนช่วย เช่น วิตามิน B6, แคลเซียม, แมกนีเซียม

หากเป็น PMDD แนะนำพบแพทย์

  • อาจต้องใช้ยาต้านเศร้าในกลุ่ม SSRI
  • ปรับสมดุลฮอร์โมนด้วยยาคุม
  • เข้ารับคำปรึกษาด้านจิตใจควบคู่กับการรักษาทางกาย

ข้อควรจำ: PMS และ PMDD ไม่ใช่เรื่องคิดไปเอง

แม้สังคมอาจมองว่า “อารมณ์แปรปรวนก่อนเมนส์” เป็นเรื่องปกติที่ต้องทน แต่หากคุณรู้สึกทุกข์มากจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายและจิตใจต้องการความช่วยเหลือ

การฟังเสียงของตัวเอง และกล้าขอความช่วยเหลือ คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยาทั้งร่างกายและใจอย่างแท้จริง

หากคุณสงสัยว่าตัวเองมี PMS หรือ PMDD ต้องการแบบประเมินความรุนแรง หรือต้องการให้ช่วยออกแบบวิธีดูแลสุขภาพช่วงก่อนมีประจำเดือนเฉพาะตัว แจ้งได้นะครับ